
ทั้งหมดจาก PRADA
นับจากก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงครั้งแรกด้วยบทภูผาในซีรีส์ ‘ลูกผู้ชาย’ ซึ่งทำเอาสาวๆ กรี๊ดในความเท่กันเป็นทิวแถว มาจนถึงบทบาทตุ๊กตาหมีที่กลายร่างเป็นคนในในละครวายเรื่อง ‘คุณหมีปาฏิหาริย์’ ทำให้เราได้เห็นอิน-สาริน รณเกียรติ ในแบบที่แตกต่างออกไป ซึ่งก็คุ้มค่ากับการรอคอยนานนับสองปี
จากหนุ่มคิวท์บอยที่โดดเด่นในรั้วโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ปัจจุบันอินในวัย 27 เป็นนักแสดงที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในสังกัดช่อง 3 และยังทำธุรกิจต่างๆ หลากหลายควบคู่กันไปด้วย ด้วยภาพลักษณ์หล่อเนี้ยบ ผิวพรรณขาวสะอาด มาดดี คุณเดาไม่ผิดหรอกว่าเขาเป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ และยังมุ่งมั่นจริงจังกับการทำงานมากอย่างไม่น่าเชื่อ
“เอาจริงๆ อินไม่ได้มีกฎในการใช้ชีวิตนะ แต่มีอุดมคติมากกว่า” ชายหนุ่มบอก “คือผมเชื่อว่าเราสามารถพิสูจน์ความมีคุณค่าในตัวเองผ่านงานที่ทำ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่เราทำงานเยอะก็ได้”
-ดูเป็นหนุ่มมาดเนี้ยบ แฟชั่นสไตล์ของอินเป็นแบบไหน
“เรียบง่ายเลยครับ ถ้าซื้ออะไรก็จะพยายามให้มันใส่ได้นานๆ แต่หลังๆ ทำงานกับแบรนด์ต่างๆ บ่อย พยายามจะสนุกขึ้นมานิดนึง แล้วก็ชอบพวกแหวนกับนาฬิกา รู้สึกว่านาฬิกามันบอกคาแร็กเตอร์ของเราในแต่ละวันได้ดีเหมือนกัน แล้วแต่ว่าอยากจะสปอร์ต อยากจะหรู หรืออยากจะวินเทจ พอใส่แล้วมันแต่งตัวครบ”
-ใช้แฟชั่น express ตัวตนไหม
“มีบ้างครับ แต่ถ้าต้องการ express อารมณ์ความรู้สึกจริงๆ จะเป็นน้ำหอม อินมีน้ำหอมเยอะมาก ประมาณ 30 ขวด แล้วเลือกผสมด้วยเพื่อให้เข้ากับมู้ดในวันนั้นที่เราต้องการพรีเซนต์ตัวเอง เป็นคนให้ค่ากับน้ำหอมมากๆ เลย รู้สึกว่ากลิ่นมันเป็นเซนส์ที่หกที่ช่วยสร้างบรรยากาศได้”


-ขอย้อนไปในอดีตบ้าง อินวัยเด็กเป็นแบบไหน
“เรียกว่าเป็นเด็กเรียบร้อยที่สุดในแก๊งเด็กหลังห้องแล้วกัน จะเป็นคาแร็กเตอร์นั้นเลย สมัยเด็กเพื่อนจะชอบเรียกว่า ‘ไอ้ช็อกโกแลตชิป’ (หัวเราะ) เพราะสมัยเด็กตัดผมสั้น ขี้แมลงวันที่หัวจะเยอะมาก เพื่อนก็เลยเรียกแบบนั้น”
-ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากกลับไปหาความทรงจำช่วงไหน
“ชอบช่วงชีวิต 6-7 ขวบ อินชอบวัยเด็กมาก ตอนเด็กไม่สบายบ่อยเพราะเป็นภูมิแพ้ ทุกสุดสัปดาห์ครอบครัวไม่ค่อยอยากให้อยู่กรุงเทพฯ เลยจะพาออกไปต่างจังหวัด จำได้ว่าสมัยเรียนอนุบาลพอเลิกเรียนวันศุกร์ หน้าที่เราคือเดินไปหยิบแพมเพิร์สแล้วขึ้นรถตู้แล้วก็หลับ พอตื่นมาอีกทีก็อยู่หัวหินแล้ว เป็นอย่างนี้อยู่ประมาณสามปี เวลาได้อยู่หัวหินมันเหมือนเป็นการรวมญาติ ก็จะเล่นกัน วิ่งไล่จับ เล่นซ่อนแอบกันตอนเที่ยงคืนตีหนึ่ง สนุกสุดๆ”
-เห็นว่าตอนเด็กไม่ได้มีความฝันอะไรเป็นพิเศษ แล้วอะไรทำให้ตัดสินใจเรียนด้านสถาปัตย์ เพราะอยากเป็นสถาปนิกเหรอ
“จริงๆ ก็ไม่เชิงครับ อาจจะโดนป๊าหลอก (หัวเราะ) ป๊าชอบให้ไปประกวดวาดรูปสมัยม.ปลาย เหมือนฝังความชอบให้เรา พอถึงตอนที่ต้องคิดว่าจะเรียนอะไรต่อดี เลยคิดว่าเรียนสถาปัตยกรรมแล้วกัน (คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) เพราะจบมาคงต้องทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ของที่บ้าน แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่แฮปปี้นะแม้จะเรียนหนักมากๆ มันได้เรียนดีไซน์เยอะมาก ตอนจบมาแล้วรู้สึกขอบคุณคณะนี้เลยที่เราได้เอาดีไซน์ไปใช้กับทุกอย่าง ตั้งแต่การแสดง และการทำธุรกิจต่างๆ”

-แล้วความคิดอยากเป็นนักแสดงสำหรับอินมันเกิดขึ้นตอนไหน เกิดจากความตั้งใจหรือเปล่า
“เป็นความตั้งใจครับ เดินเข้ามาแคสต์ปกติเลยตอนเรียนปีสี่ จริงๆ มีคนชวนเข้าวงการตั้งแต่ม.4 แต่เราไม่เคยคิดเลย เพราะรู้สึกว่าการเป็นนักแสดงมันยาก ต้องแสดงได้ ร้องเล่นเต้นรำ ต้องวางตัวเป็น เราเลยจะชอบพูดว่าไม่อยากเป็นเพราะรู้สึกว่ามันยากเกินไป แต่ก่อนจะเรียนจบก็คิดว่าถ้าเราทำงานแล้วก็คงไม่มีโอกาส เลยขอลองสักตั้ง ก็เดินเข้ามาแคสต์บทภูผาที่ช่อง 3 นี่ล่ะครับ”
-มาถึงผลงานล่าสุด ‘คุณหมีปาฏิหาริย์’ เป็นอย่างไรบ้าง
“เรื่องนี้เป็นละครวายเรื่องแรกของช่อง 3 แล้ว Netflix ยังซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายใน 25 ประเทศด้วย ผมรับบทเป็นตุ๊กตาหมี แต่พอกลายร่างมาเป็นคนก็ได้ชื่อว่าเต้าหู้ อาจจะไม่ต้องทำการบ้านกับบทมากเป็นพิเศษ มันเป็นเรื่องของการเปิดใจมากกว่า เปิดรับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เป็นตัวละครที่คอยสังเกตปัญหา ตัวหมีจะเป็นคนพาไปดูเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในครอบครัวของณัฐ (รับบทโดยจ๊อบ-ธัชพล กู้วงศ์บัณฑิต) และครอบครัวอื่นๆ ก็จะได้เห็นถึงประเด็นต่างๆ ทั้งเรื่องช่องว่างระหว่างวัย ความไม่เข้าใจกัน ไปจนถึงเรื่อง LGBTQ… สำหรับอิน ปาฏิหาริย์ในเรื่องมันไม่ใช่แค่การกลายเป็นคน แต่มันคือการที่เราสามารถเข้าใจกัน รักกัน นั่นแหละที่เป็นปาฏิหาริย์”


-ทราบมาว่ามีซีรีส์วายติดต่อเข้ามาเยอะ แต่อะไรทำให้อินปิ๊งเรื่องนี้
“สาเหตุหลักๆ คือเจตนาของเรื่องนี้ที่ต้องการพูดถึงความแตกต่างในสังคม ทำให้รู้สึกว่าละครเรื่องนี้มีคุณค่าในตัวของมัน แค่ได้อ่านเรื่องย่อและจุดประสงค์ของคนแต่งนิยายก็ตัดสินใจรับเร็วมาก จริงๆ ตั้งแต่รับบทภูผาแล้ว อินชอบละครที่มีข้อคิด แล้วบทนี้ก็แตกต่างจากที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นมิติใหม่เลย เพราะ ‘คุณหมีปาฏิหาริย์’ จะเล่าผ่านมุมของผู้ใหญ่ ไม่ใช่แนววัยรุ่น ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง ‘รักแห่งสยาม’ มันมีความวายแต่ก็เป็นเรื่องราวของครอบครัว ส่วนตัวคิดว่าน่าสนใจดีครับ”
-มันมีอะไรที่แปลกใหม่หรือท้าทายอีกบ้าง
“การเล่าเป็นแบบ flashback คล้ายนิทาน ผมต้อง voice over ตั้งแต่ต้นจนจบเลย และความที่ใช้เทคนิคการถ่ายแบบหนัง ทำให้มันยากเหมือนกันนะ ถ่ายไป 100 คิว ซึ่งถือว่าเยอะมาก แต่เพราะทีมงานตั้งใจมากๆ เรียกประชุมกันเลยตั้งแต่เวิร์กช็อปว่าอยากทำอะไรใหม่ๆ ตัวเราเองก็เป็นอีกคนที่พูดเสมอว่าอยากดูละครไทยใหม่ๆ แล้ว ก็เลยรู้สึกดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องนี้”

-เป้าหมายตอนนี้ของอินล่ะ
“ทั้งในด้านการเป็นนักแสดงและทำธุรกิจของตัวเอง เราอยากจะทำทั้งสองอย่างให้ประสบความสำเร็จ ตอนนี้ผมร่วมกับเพื่อนทำร้านขนม Holidaypastry มีร้านหมูกระทะ ร้านเสื้อผ้า Hye Everyday และร้านแอ็กเซสเซอรี่ Hye Bangkok แล้วก็คอมมูนิตี้มอลล์ Ours ธุรกิจเหล่านี้เรียกว่าชีวิตพาไป โชคดีที่ได้เพื่อนดี ได้พี่ดี เป็นหุ้นส่วนที่ดี แล้วมันก็เกิดจากความชอบส่วนตัว อย่างของกิน อินเป็นคนที่ชอบกินขนมมากกกกก ชอบเอาของกินไปฝากคนอื่น เขาจะบอกว่าเทสต์ปากเราดี ก็เลยเปิดร้าน เราทำไม่ค่อยเป็นหรอกแต่จ้างเชฟมา แล้วเราก็จะชิมว่ารสชาติได้ไหม”
-ในช่วงวัยที่ผ่านมา 27 ปี ได้ผ่านจุดเปลี่ยนในชีวิตอะไรไหม
“มันเยอะนะ คิดว่าชีวิตคือการปรับตัว มันต้องเติบโตขึ้น เขาบอกว่าชีวิตเราเติบโตขึ้นทุกๆ 7 ปีก็อาจจะจริง อินชอบที่ตัวเองมีความตั้งใจแล้วก็อดทน แต่บางทีก็ไม่ชอบที่ตั้งใจเกินไปและขยันเกินไป เราเลิกทำงานไม่ได้ เป็นแบบนี้มานานแล้ว”
-มีสกิลอะไรที่อยากจะพัฒนา
“ถ้าเอาตอนนี้คืออยากพัฒนาสกิลในการพักผ่อน มันเป็นสกิลนะ อินจะชื่นชมคนที่ทำงานแล้วรู้จักพักผ่อน ชอบที่มี เวิร์ก-ไลฟ์ บาลานซ์ที่ดีกว่า แต่ตัวเราพักผ่อนไม่เป็นซึ่งในระยะยาวมันไม่ดีเลย นี่ก็พยายามจะพักผ่อนแต่ทำไม่ได้หรอกนะ แต่พยายามจะทำให้ได้ อินเป็นคนคิดงานตลอดเวลา คิดจนกว่าจะนอน พอลืมตาตื่นขึ้นมา เรื่องงานก็จะเข้ามาในหัวตั้งแต่วินาทีแรกที่มีสติเลย ขนาดอาบน้ำก็ยังคิดงาน”


-ถ้ามีเวลาว่างจริงๆ ชอบทำอะไร
“จริงๆ ไม่ค่อยว่างเลย ทำงาน 7 วัน แต่ถ้าว่างจริงๆ จะไปทะเลหรือไปต่างประเทศครับ เพราะถ้าอยู่กรุงเทพฯ มันเหมือนเราอยู่ในโหมดทำงานแม้จะเป็นวันเสาร์อาทิตย์ ถ้าจะพักจริงๆ ต้องบังคับตัวเองให้ไปเวเคชั่นเลย ตอนนี้อยากไปญี่ปุ่น เกาหลีมากๆ”
-บทเรียนในชีวิตที่จำขึ้นใจ
“มีหลายเรื่องนะ แต่ถ้าเป็นบทเรียนที่ทำให้เราเปลี่ยนตัวเองก็คือการทำให้ตัวเองใจเย็นแล้วก็ใจดี เพราะเมื่อก่อนใจร้อนและใจร้าย เป็นคนดุ ทำงานกับใครก็จะดุ แต่ตอนนี้เรามีธุรกิจแล้ว เรามีเพื่อนร่วมงาน มีลูกน้อง วิธีการบริหารงานที่ดีที่สุดคือการใช้ความใจดี ใช้ความรักเข้าสู้ อาจจะไม่ได้มีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เราเปลี่ยนความคิด แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะดุไปมันก็ไม่มีอะไรดี เราก็ใช้วิธีสอนและปรับความเข้าใจดีกว่า”
-สิ่งที่อยากทำให้ได้ในปีนี้
“อยากทำแฟล็กชิปสโตร์ของ Holidaypastry กับหมูกระทะให้เสร็จครับ แล้วก็สร้างโครงการคอมมูนิตี้มอลให้เสร็จครับ ถ้าเสร็จก็จะสบายใจไป 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว และก็อยากให้เรื่อง ‘คุณหมีปาฏิหาริย์’ ประสบความสำเร็จมากๆ อยากให้คนได้ดู ไม่ได้เกี่ยวกับว่าตัวเราจะดังหรือไม่ดังครับ แต่อยากให้สิ่งที่เราอยากสื่อสารมันสื่อไปถึงคนในวงกว้างจริงๆ”

Writer: Pimpilai Boonjong
Photographer: Thanut Treamchanchuchai
Fashion Editor: Watcharachai Nun-ngam
Stylist Assistant: Thitaree Trisiritanyagorn
Photographer Assistant: Chudchpong Amnponrat
Special Thanks: Kimpton Maa-Lai Bangkok