นับวันตลาดซีรีส์วายยิ่งคึกคัก ดังจะเห็นได้จากจำนวนซีรีส์มากมายที่ได้รับการผลิตออกสู่ตลาด แค่ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ก็มีซีรีส์วายเข้าฉายนับ 10 เรื่องได้ โดยหนึ่งในนั้นก็คือ ‘แอบหลงรัก เดอะซีรีส์ Secret Crush On You’ ผลงานการกำกับของ ชีวิน ธนะมินทร์ วงษ์สกุลพัชร์ และควบคุมการผลิตโดยนักแสดงหนุ่มหน้าใส เซ้นต์ ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา ซึ่งรั้งตำแหน่งผู้บริหาร Idol Factory Co.,Ltd. บริษัทผลิตละครและโปรดักชั่นเต็มรูปแบบด้วย
“คำว่าแอบหลงรัก ผมเชื่อว่าเกิดขึ้นในชีวิตทุกคนไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ อาจเป็นช่วงชีวิตหนึ่งที่แต่ละคนเจอ…ผมว่าโมเมนต์ความรักพวกนี้มันน่าสนใจ และอาจตรงกับชีวิตของใครสักคน” หนุ่มเซนต์เล่าถึงการผลิตซีรีส์วายเรื่องล่าสุดที่หยิบตัวหนังสือจากนิยายขายดีมาแปลงเป็นเรื่องราวสนุกสนานชวนจิ้น โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับ โต๊ะ เด็กหนุ่มมหา’ลัยหน้าตาธรรมดาที่เข้าร่วมกิจกรรมประกวดภาพถ่ายในหัวข้อ The Magic of Love แต่ด้วยความที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน ทำให้เขาตีโจทย์ไม่แตก จนกระทั่งบังเอิญได้มาพบกับเหนือ รุ่นพี่ในมหาวิทยาลัย จนกลายเป็นความรู้สึกแอบรักขึ้นมา
ใน ‘แอบหลงรัก เดอะซีรีส์’ ยังถือเป็นการเปิดตัวนักแสดงรุ่นใหม่ๆ ที่น่าจับตามอง แม้จะไม่ได้เป็นมือใหม่กันซะทีเดียวเพราะเคยผ่านงานแสดงกันมาบ้าง แต่ก็ถือเป็นการก้าวเข้ามารับบทนำครั้งแรก นั่นคือสองหนุ่ม บิลลี่-ภัทรชนน อ่อนสอาด ซึ่งรับบทเป็น เหนือ ซึ่งโคจรมาจับคู่กัยครั้งแรกกับ เซ้ง-วิชัย แซ่ฟ่าน ซึ่งรับบทเป็น โต๊ะ
GET TO KNOW BILLY
-บิลลี่มาร่วมแสดงใน ‘แอบหลงรัก เดอะซีรีส์’ ได้อย่างไรคะ
“ตอนที่เขาเปิดแคสต์เรื่องนี้ ผมก็ไปหาอ่านดูนะว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร แล้วก็รู้สึกว่าชอบตัวละครพี่เหนือมากๆ รู้สึกว่าเป็นคนเท่ จิตใจดี ชอบเทคแคร์คนรอบข้าง ตอนที่ส่งโปรไฟล์เข้ามาสมัคร ก็แอบอยากได้บทนี้นะ แล้วก็ดีใจมากเลยครับตอนทีมงานติดต่อมา”
-เรื่องนี้เป็นซีรีส์วายเรื่องแรกของบิลลี่ใช่ไหม รู้สึกอย่างไรบ้าง มีอะไรท้าทายไหม
“ตอนแสดงผมก็รู้สึกเขินๆ นะ โดยเฉพาะเวลาเข้าคาแร็กเตอร์แม้ว่าผมกับน้องเซ้งจะสนิทกัน แล้วเราก็เวิร์กช็อปกันนานมากๆ ครับ ประมาณ 3 เดือนได้ เพื่อให้เราสวมบทบาทได้ดีที่สุด เพราะสร้างมาจากนิยายซึ่งคนรักมากๆ เราก็พยายามเคารพต้นบับให้มากที่สุด มีหลายๆ ซีนที่ท้าทายสำหรับผม อย่างร้องเพลงในคอนเสิร์ตเพื่อจีบโต๊ะ ซึ่งมันมีหลายๆ อย่างที่ชีวิตปกติผมไม่เคยทำแล้วก็ไม่คิดจะทำมาก่อน”
-จริงๆ แล้วบิลลี่ทำงานในวงการมาก่อนใช่ไหม
“ก่อนหน้านี้ ผมเคยแคสต์โฆษณา เคยร่วมแสดงในละคร ‘สิงหะนาคะ’ ของช่อง 3 แล้วก็เรื่อง ‘Hotel Star’ และ ‘หลงเงา’ ส่วนเรื่อง ‘แอบหลงรัก เดอะซีรีส์’ ก็ถือเป็นการรับบทนำครั้งแรก ก็เลยกดดัน ต้องทำการบ้านเยอะมาก เพราะทีมงานไม่ปล่อยเลยสักซีน จะจี้จนกว่าจะเล่นได้ เราเองก็อยากถ่ายทอดออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ และถึงแม้ว่าจะมีประสบการณ์มาก่อน แต่เราก็ยังใหม่อยู่ครับ เลยต้องเรียนรู้เพิ่มเติม เหมือนเป็นการต่อยอดให้เรามีเครื่องมือหรืออาวุธเพิ่มเติม”
-ทราบมาว่าก่อนเข้าวงการเต็มตัว เรียนทางด้านวิศวกรรมการบิน (มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) มาก่อนใช่ไหม อะไรเป็นจุดเปลี่ยนให้อยากทำงานในวงการนี้
“จริงๆ ระหว่างเรียนผมก็แคสต์งานมาเรื่อยๆ นะ แต่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อน่าจะเป็นช่วงที่เล่นละครเรื่องแรก ตอนนั้นผมเรียนจบแล้ว คือเดิม ความฝันของผมคือการเป็นนักบิน ก็ตั้งใจว่าจะไม่ทิ้งแล้วจะทำทั้งสองอย่างควบคู่กัน แต่พอได้ออกกอง มันมีความสุขและสนุกที่ได้เจอคน ได้สวมบทบาท ก็เลยเริ่มคิดว่าหรือนี่จะเป็นที่ที่เรามีความสุข ผมก็เคยฝึกงานการบินนะ แต่มันไม่มีความสุขเท่านี้ ผมเป็นคนที่ทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองมีความสุข ถ้าไม่สุขก็จะออกมาไม่ดี”
-ตั้งความหวังอะไรกับอาชีพนี้
“ไม่รู้ว่าเวอร์ไปหรือเปล่านะครับ ผมอยากเป็นนักแสดงแบบในหนังมาร์เวล (หัวเราะ) อยากลองเป็นซูเปอร์ฮ๊โร่ เพราะผมก็เรียนเทควันโดมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็ชอบหนังซูเปอร์ฮีโร่มาก เลยอยากลองสักครั้ง ผมว่าอายุ 40, 50 ก็ยังไม่สายนะ”
-บิลลี่เติบโตที่นครสวรรค์ใช่ไหมคะ วัยเด็กเป็นแบบไหน
“ตอนเด็กพ่อแม่จับให้เล่นกีฬาตั้งแต่เด็ก ที่บ้านเป็นยิม แม่ผมเคยเป็นกรรมการตัดสินโอลิมปิก พ่อเคยเป็นอาจารย์สอนที่สมาคม ผมเองเรียนเทควันโดมาตั้งแต่ 5 ขวบ พอ 7 ขวบก็ไปแข่งแล้ว ความที่เป็นลูกเจ้าของยิมก็กดดันหน่อยๆ มันต้องทำให้ดี ต้องได้เหรียญกลับบ้าน พอได้รางวัลก็ได้ของเล่น ก็เป็นช่วงที่มีความสุขนะตอนนั้น”
-แล้วเคยมีความคิดอยากเป็นนักกีฬาอาชีพหรือทีมชาติบ้างไหม
“ตอนม. 5 ผมก็เริ่มคิดว่าจะทำอะไร ความที่เราคลุกคลีกับวงการกีฬามานาน มันทำให้คิดว่าชีวิตจะยังไงต่อล่ะหลังจากได้รางวัลหรือได้เล่นทีมชาติ แล้วเราก็อยากสร้างฐานะให้ครอบครัวด้วย สมัยเด็กๆ ผมไปเที่ยวแล้วเห็นกัปตันขับเครื่องบิน ก็เลยอยากเป็น คิดว่านี่จะทำให้มีความสุขถ้าได้ทำเป็นอาชีพ ก็เลยเลือกเรียนวิศวกรรมการบินเพราะไม่อยากเสียเวลาสี่ปีเรียนอะไรก็ได้เพื่อไปเรียนต่อด้านการเป็นนักบินทีหลัง ตอนเรียนก็สนุกมากเพราะเป็นสิ่งที่เราอยากรู้ครับ”
-เห็นว่าเคยมีโปรเจ็กต์ทำเพลงมาก่อนด้วย ถ้าดูจากไทม์ไลน์ชีวิตจนถึงตอนนี้ ความสามารถด้านการเต้นหรือร้องเพลงมันเกิดขึ้นตอนไหน
“ช่วงตอนเรียนปีสองครับ ตอนนั้นได้อยู่กับโมเดลลิ่งค่ายหนึ่ง ตอนนั้นมีโปรเจ็กต์เทรนไปออดิชั่นกับค่ายที่เกาหลี ผมก็ได้เทรน ซ้อมหนักมากเพราะเขาเอาโปรแกรมของเกาหลีมาเลย ทั้งฝึก ทั้งให้คะแนนจัดอันดับ ทำอย่างนั้นอยู่ 4-5 เดือน ผมก็ผ่านการคัดเลือกที่ไทยและบินไปออดิชั่นที่เกาหลี ซึ่งตอนที่บินกลับมาไทยก็มีสอบด้วยนะ จำได้ว่าต้องอ่านหนังสือสอบตอนบินกลับมา จริงๆ ออดิชั่นผ่านแล้ว แต่คุยสัญญากันไม่ลงตัว”
-จริงๆ แล้วบิลลี่มีสกิลมาก่อนหรือเปล่า
“สกิลผมศูนย์เลยครับ แต่ผมอยากลองดูว่ามันเป็นยังไง พอดีช่วงนั้นเรียนอย่างเดียว แล้วก็เลิกเรียนเทควันโดไปแล้ว ก็เลยไปลองฝึกดูครับ การได้เต้นขยับร่างกายมันก็เหมือนได้ออกกำลังกาย เรียกได้วาสกิลติดลบ ผมไม่รู้ว่าเพราะผมเคยเป็นนักกีฬาหรือเปล่านะ ทำให้อยากเอาชนะ อยากทำให้ได้ มันเหมือนการแข่งขันอยู่แล้วเพราะมันมีการจัดอันดับ แล้วเราก็ทำได้ แต่ไม่ได้บ้าคลั่งแข่งกับใครนะ แค่ทำแล้วมันดีกับตัวเอง”
-ถ้าตอนนี้ ให้เลือกระหว่างดนตรีกับการแสดง
“ผมอยากเป็นนักแสดงมากกว่า ผมว่าผมสนุกกับการได้เล่าเรื่อง ได้ถ่ายทอดชีวิตตัวละคร มันเหมือนการผจญภัย ซึ่งในชีวิตปกติเราไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตแบบนั้น”
-อยากพัฒนาตัวเองในด้านไหนบ้างไหม
“ทุกด้านเลยครับ อยากเก่งให้มากกว่านี้เพราะเราเพิ่งเข้ามาใหม่ เรายังไม่รู้อะไรอีกหลายเรื่อง เวลามีคนมาแนะนำอะไร ผมก็รับฟัง แล้วก็เรียนรู้จากคนอื่นที่มีประสบการณ์ ไม่ว่าเขาจะอายุมากกว่าหรือน้อยกว่า อย่างเซนต์ก็ช่วยแนะนำผมตลอดแม้ว่าผมจะอายุมากกว่าเขา แต่เขามีประสบการณ์มาเยอะ น้องเซ้งเองก็เหมือนกันเพราะเขาแสดงซีรีส์วายมาก่อน ผมว่ามันคล้ายๆ กับตอนที่ผมเล่นเทควันโดนะ เหมือนตอนนี้เราอยู่สายขาว เราก็ต้องเรียนรู้จากรุ่นพี่ๆ”
GET TO KNOW SENG
-เล่าถึงบทบาทล่าสุดให้ฟังได้ไหมคะ
“ผมรับบทโต๊ะครับ เป็นเด็กหนุ่มน่ารักๆ จากคณะนิเทศ ชอบถ่ายรูป เป็นคนซื่อๆ ใสๆ มีความสุข เอเนอร์จี้เยอะเวลาอยู่กับกลุ่มเพื่อน ซีรีส์เรื่องนี้จะว่าด้วยเรื่องแอบหลงรักคนๆ หนึ่ง เป็นแนว feel good และคอเมดี้ แต่ก็สอดแทรกความดราม่าเข้ามาเล็กน้อยครับ”
-แล้วเซ้งประทับใจอะไรในตัวละครตัวนี้
“ผมประทับใจในความรู้สึกของตัวละครครับ เพราะเราเคยเห็นตัวละครที่มีความรักมาเหมือนกัน แต่เราไม่เคยเจอคนที่รักมากๆ เท่านี้ แต่กลับไม่เคยขอเข้าไปอยู่ในชีวิตเขา แค่มองอยู่ตรงนี้ แค่ได้เห็นเขามีความสุข ก็มีความสุขตามเขาไปแล้ว”
-ได้ทำงานกับพี่บิลลี่เป็นอย่างไรบ้าง
“เราเจอกันที่ร้านไอศกรีมก่อนเวิร์กช็อป จริงๆ เราเคยเจอกันมาก่อนตอนไปแคสต์ซีรีส์เรื่องหนึ่งแล้วได้จับคู่เล่นกัน พี่บิลลี่จำผมได้ แต่ผมนี่เลือนลางมาก แต่พอได้เจอจริงๆ ก็คิดว่าเขาอบอุ่น เป็นผู้นำ คอยดูแลคนอื่นๆ แล้วยิ่งพอรู้จักไปสักพัก ก็จะเห็นความเป็นผู้ใหญ่จริงๆในตัวพี่บิลลี่ ทั้งมุมมองความคิด ทั้งไลฟ์สไตล์ ขนาดว่าคนในบริษัทเรียกว่า The Uncle (หัวเราะ)”
-แล้วเราได้ฉายาจากเพื่อนๆ ใน Idol Factory ว่าอะไร
“หนูน้อยน่ารักครับ… อันนี้ผมตั้งให้ตัวเอง (หัวเราะ) ส่วนใหญ่ที่ได้ยิน น่าจะเป็นลิง เพราะผมซนมาก และไม่ชอบอยู่นิ่ง เราชอบเสียงหัวเราะ ไม่อยากให้บรรยากาศเงียบ แต่บางทีก็ผิดจังหวะไปนิดนึง ทุกคนกำลังจริงจังอยู่”
-เซ้งเคยแสดงซีรีส์วาย Why R U? มาก่อนใช่ไหมคะ จากประสบการณ์การแสดงที่ผ่านๆมา อะไรยากที่สุด
“ผมว่าแบ็กกราวด์ตัวละคร เราต้องมาคิดว่าเขาผ่านอะไรบ้าง ทำไมเป็นคนแบบนี้ เราต้องไปค้นหาแบ็กราวด์ตรงนั้นก่อนที่เขาจะเป็นคนแบบที่เราเห็น เราก็ต้องหา วิเคราะห์ ต่อยอด และดีเฟนด์”
-จริงๆ แล้ว จุดเริ่มต้นในวงการของน้องเซ้งเป็นอย่างไรคะ
“จริงผมเริ่มแสดงเป็นเอ็กซ์ตร้าตั้งแต่ ม. 4 ในเรื่อง ‘ฮอร์โมน’ ครับ แล้วก็แคสต์โฆษณา และเล่นบทเล็กๆ น้อยๆ บ้าง ตอนเด็กๆ ผมชอบดูหนัง เคยดูพันท้ายนรสิงห์แล้วก็คิดว่าเท่จัง อยากทำงานแบบนั้นบ้าง แต่มันก็เป็นแค่ความฝันเล็กๆ ที่เราคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้เท่าไหร่ เพราะสมัยเรียนประถม ผมเป็นนักกีฬาฟุตบอล ก็เลยตากแดดจนดำและอ้วนด้วย พอเรียนม. 1 ก็โดนเพื่อนล้อจนไม่มีความมั่นใจ แล้วก็คิดว่าเราคงไม่เหมาะที่จะไปเป็นนักแสดง
“จนช่วงม. 4 เรากดดันจนทนไม่ไหว ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็เริ่มออกกำลังกาย เข้าฟิตเนสทุกวันหลังเลิกเรียน จนม. 6 เราดูดีขึ้นครับ แต่ข้างในใจเราก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจเหมือนเดิม จนได้มาเจอพี่เชน (Idol Factory) นี่แหละครับ พี่เขาถามว่าสนใจงานแสดงไหม แล้วจุดเปลี่ยนอีกทีคือปีหนึ่งที่ได้ไปประกวดเดือน มันทำให้คิดว่า อย่างเราเนี่ยนะ เราไม่เคยคิดว่าตัวเองไม่เป็นที่ชื่นชอบเลย ก็เลยแปลกใจ มันเหมือนได้เปิดโลกเลย ทำให้ได้คิดว่าเราจะทำอะไรก็ได้นี่ ขอแค่เราเอ็นจอยกับมัน เราไม่ต้องแคร์ว่าใครจะคิดอะไรก็ได้นี่ สมัยมัธยมเราเสียเวลาชีวิต เพราะเรากลัวว่าคนจะคิดยังไง ขนาดพูดหน้าห้องผมยังไม่กล้าเลย”
-มีใครเป็นไอดอลทางการแสดงไหม
“พี่ก็อต จิรายุครับ จริงๆ ผมไม่ได้ชอบเขาจากการแสดง แต่เริ่มชอบจากมายด์เซ็ตจากคลิปที่ผมได้ดู ตอนนั้นผมอยากอยู่กับตัวเอง หมดแพสชั่น แล้วก็ไปเจอคลิปที่พี่เขาให้สัมภาษณ์เรื่องคน introvert ผมนั่งนิ่งไปสักพัก แล้วคิดว่า มีคนแบบนี้ด้วยเหรอ ตอนที่เจอพี่เซนต์ ผมก็คิดนะว่า มีคนแบบนี้ด้วยเหรอ เข้าวัด ทำบุญ จิตใจดี แล้วพอได้มาเจอคลิปพี่ก็อต มันสอนผมในเรื่องของความคิด เราจะทำอะไรต่อไป ความสุขคืออะไร พอดูคลิปนั้นเสร็จก็เลยติดตามพี่เขา ได้เห็นว่าเขาคิดอะไร ฝ่าฟันอะไรมา นี่คือมนุษย์จริงๆ ที่มีหลัก เหตุและผลในการทำทุกสิ่ง และเข้าใจตัวเอง แล้วผมชอบที่เขาบอกว่า เราชอบโทษนั่นนี่ แต่สิ่งที่เราโทษคนอื่น บางครั้งเราก็เคยทำมาเหมือนกัน หรือสิ่งที่เราทำในวันนี้มันอาจจะไม่เห็นในวันนี้ มันเหมือนการรดน้ำ… ผมเองก็เคยเป็นตัวประกอบมาก่อน เราก็คิดว่าเราไม่รู้ว่าเราจะไปได้ไกลหรือเปล่า แต่ดีที่ตอนนั้นเราเองก็ไม่ละความพยายาม ไม่ทิ้งโอกาส”
-เวลาคุยกับเซ้ง จะรู้สึกว่าเป็นคนที่เอเนอร์จี้เยอะมากกกกกก แต่เวลาที่เซ้งอยู่คนเดียว เป็นแบบไหนคะ
“ผมชอบคิดตลอดนะ บางทีเรานั่งคิดเฉยๆ แล้วคนมาเห็น ก็จะแบบ ‘เซ้งเครียดไรอ่ะ’ จริงๆ แล้วเราคิดอยู่ จริงๆ ผมก็ชอบอยู่กับตัวเองนะ เลี้ยงปลา เลี้ยงกระต่าย แล้วตอนนี้ก็ชอบอ่านหนังสือ จากที่เมื่อก่อนชอบเล่นแต่เกม ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแนวพัฒนาตัวเองแล้วก็พวกคำคม ผมว่ามันช่วยเตือนใจเรา”
-ดูเป็นคนอะไรอารมณ์ดี อะไรที่ทำให้เซ้งโกรธได้บ้าง
“ผมว่าเรื่องโกหก หรือต่อให้โกหกเพราะหวังดีกับเรา เราคิดว่าบางทีมันบอกกันตรงๆได้
-เซฟโซนของเซ้งคืออะไร
“ตอนอยู่กับแฟนคลับครับ มันเหมือนเราได้เป็นเด็กในแบบของเรา ต่อให้เราจะวางตัวหล่อยังไง เขาก็ทรีตเราเป็นไอ้หนูอยู่ดี แล้วมันไม่เหงาและไม่โดดเดี่ยวครับ”
Photographer: Narin Lourujirakul
Stylist: Piphacha Vonpiankul
Writer: Pimpilai Boonjong
Makeup: Kwankhao Sumalee
Hair: Phoonthas Lertmanorat
Photographer Assistant: Nikhom Noikham
Stylist Assistant: Naruamol Namkaew
แอบหลงรัก เดอะซีรีส์ Secret Crush On You ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 23.00 น. ทางช่อง 3 กด 33, แอปพลิเคชัน CH3Plus และสามารถรับแบบ Exclusive Re-run ได้ทาง YouTube ช่อง IDOLFACTORY OFFICIAL