Thursday, March 30, 2023

บทบาทใหม่ของ ‘เซ้นต์-ศุภพงษ์’ ชายหนุ่มผู้ไม่ยอมหยุดนิ่ง

เซ้นต์-ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา หนุ่มวัย 23 ที่ฉะฉานทั้งถ้อยคำและความคิด สามปีที่แล้วเขาเป็นที่รู้จักจากการสวมบทบาทนักแสดงนำในซีรีส์เรื่องบังเอิญรัก ก้าวสู่ขวบปีที่ 4 ของการทำงานในวงการ เซ้นส์ท้าทายตัวเองด้วยการเพิ่มสถานะเป็นผู้จัดละคร ขณะเดียวกันก็ยังไม่ได้หายหน้าไปจากงานแสดง (เขากำลังถ่ายทำซีรีส์เรื่อง Sing Again Thailand) ควบคู่ไปกับเป็นพิธีกรรายการทีป็อปสเตจโชว์ แถมยังทำช่องยูทูบของตัวเองชื่อว่า Saintsup ดูเหมือนพลังของเขาช่างล้นเหลือ ถึงจะพ่วงตำแหน่งผู้บริหาร Idol Factory Co.,Ltd. บริษัทผลิตละครและโปรดักชั่นเต็มรูปแบบ เซ้นต์ยังคงความเป็นหนุ่มหน้าใส มีแอตติจูดที่ดีเสมอต้นเสมอปลาย เขาไล่เรียงถึงบทบาทใหม่และเหตุผลที่ตัดสินใจหยิบตัวหนังสือจากนิยายขายดีมาแปลงเป็นเรื่องราวสนุกสนานชวนจิ้นในซีรีส์ ‘แอบหลงรัก The Series’ ด้วยน้ำคำที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

แจ๊กเก็ตเชิ้ตผ้าวูลดีเทลกระเป๋าหน้าตกแต่งกระดุมโลหะ จาก BOTTEGA VENETA

“ผมเกิดจากซีรีส์วาย มีคนดูถูกผมด้วยในการเล่นซีรีส์วาย ดูถูกว่าเป็นซีรีส์เกรดบีหรือโน่นนี่บ้าง ผมไม่อยากให้คนรู้สึกแบบนี้ แต่อยากให้รู้สึกว่าเป็นงานคุณภาพงานหนึ่ง นี่คือการสร้างสรรค์สังคมในแบบของผม มีคนเคยสัมภาษณ์ว่าผมจับซีรีส์วายเพราะเกาะกระแสหรือเปล่า ผมตอบไปว่าไม่ใช่ครับ ผมอยากผลักดันเรื่องความเท่าเทียม เพราะผมโตมากับเขา ผมจะผลักดันตรงนี้เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วเดี๋ยวผมจะทำซีรีส์ยูริเพื่อผลักดันว่าความรักเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ เพียงแค่เรารักก็พอ ผมทำ ‘แอบหลงรัก The Series’ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจ ถ้าใครสงสัยก็อยากให้ลองชม เพื่อคุณจะได้เข้าใจความรักในรูปแบบของ LGBTQ+ ว่าเป็นยังไง

คำว่าแอบหลงรัก ผมเชื่อว่าเกิดขึ้นในชีวิตทุกคนไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ อาจเป็นช่วงชีวิตหนึ่งที่แต่ละคนเจอ การแอบหลงรักมีทั้งในรูปแบบเพื่อนรักเพื่อน แอบรักรุ่นน้องหรือรุ่นพี่ รักจนรู้สึกว่าอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครสักคน หรือรักโดยที่ไม่คาดหวังอะไรเลย ผมว่าโมเมนต์ความรักพวกนี้มันน่าสนใจ และอาจตรงกับชีวิตของใครสักคน”

ทำงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังแบบนี้ เพราะว่าอยากเรียนรู้หรือพิสูจน์อะไรหรือเปล่า

“ผมว่าทั้งหมดเลยครับ เราเรียนรู้สิ่งที่อยากจะสร้าง เพราะผมเริ่มต้นจากศูนย์ทุกอย่าง ผมอยากพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ ในเรื่องของธุรกิจด้วย ผมมองว่าปีนี้ที่เราวางไว้คือเรื่องของความเท่าเทียม ตอนนี้แค่ผมพยายามผลักดัน ซึ่งอาจไปไม่ถึงจุดที่มัน success ก็ได้ เพราะผมเริ่มตอนอายุ 20 ต้นๆ ไม่รู้ว่าเราจะมีเวลาถึงกี่ปี ถ้าผมอายุ 60 เท่ากับผมสร้างสรรค์สังคมมา 40 ปี อย่างน้อยรุ่นน้องหรือรุ่นลูกหลานผมเขาไม่ต้องนับหนึ่ง เพราะการเริ่มต้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วง่ายกว่าเริ่มต้นใหม่ ผมพยายามตะกุยตะกายจากศูนย์มาให้แล้ว ผมอยากให้น้องๆ รับช่วงแล้วเดินต่อ อย่างซีรีส์วายเหมือนกัน ถ้านับจริงๆ ผมมารับช่วงต่อจากผู้จัดหรือผู้กำกับที่เขาผลักดันตรงนี้มาแล้วในยุคหนึ่ง ทุกอย่างเกิดขึ้นมาก่อนแล้วเราผลักดันต่อไป เหมือนต่อยอดน่ะครับ

ผมรู้สึกว่ามนุษย์เราจะชอบเดินตามรอยใครสักคน ถ้าวันหนึ่งเราเป็นตัวอย่างที่ดี เราเป็นหนังสือที่เขียนมาเรื่อยๆ ผมอาจจะเขียนถูกหรือผิด หรือเขียนอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมเขียนให้แล้ว แค่เขาเปิดอ่าน อะไรที่เป็นข้อไม่ดีหรือผมทำพลาด ขีดมันทิ้งไป แต่ข้อดีผมอยากให้ทุกคนเดินตาม”

บอมเมอร์แจ๊กเก็ตโอเวอร์ไซส์ทอลายดอกไม้ กางเกงขายาวสีดำดีเทลกระเป๋า สร้อยคอโซ่โลหะประดับมุก และรองเท้าโลฟเฟอร์ทอลาย ทั้งหมดจาก DOLCE&GABBANA

ผมรู้สึกว่ามนุษย์เราจะชอบเดินตามรอยใครสักคน ถ้าเราเป็นตัวอย่างที่ดี เราเป็นหนังสือที่เขียนมาเรื่อยๆ ผมอาจจะเขียนถูกหรือผิด อะไรที่เป็นข้อไม่ดีหรือผมทำพลาด ขีดมันทิ้งไป แต่ข้อดีผมอยากให้ทุกคนเดินตาม

ความรู้สึกของเซ้นต์ คิดว่าซีรีส์วายมาถึงจุดไหนแล้ว

“ผมว่าเกิดการยอมรับมากขึ้น หลายคนเข้าใจมากขึ้น นอกจากเรื่องของ LGBTQ+ สังเกตว่าซีรีส์วายทำรายได้เข้าประเทศเยอะเลยนะ มันคือการพัฒนาเศรษฐกิจ ผมเชื่อว่าเรายังไปได้ไกลกว่านี้อีกเยอะมากๆ ถ้าเราผลักดันไปเรื่อยๆ มันมีโอกาสที่จะ success อาจจะดูเหมือนไกลมากในการลงมือเพื่อให้ไปถึงตรงนั้น แต่ผมรู้สึกว่าไม่มีอะไรไกลเกินตัวหรอก อย่างน้อยมันคือความฝันครับ ขอแค่เราฝันก็พอ แล้วความฝันมันไม่เคยคิดเงินเรานะครับ”

แอบรู้มาว่าเซ้นต์เป็นผู้จัดละครที่ดุมาก

“ผมดุไหมเหรอ ก็ไม่ได้ดุมากขนาดนั้นนะ คือผมเป็นคนที่ชอบอธิบาย หรือบางจังหวะผมจะถามว่า ‘ทำไมถึงเกิดแบบนี้ครับ ปัญหาคืออะไร อะไรทำให้เกิดปัญหา แล้วเราต้องเอาอะไรมาแก้ อันนี้คืออย่างนี้ใช่ไหม ข้ามตรงนี้ไปเลยเพราะจัดการเสร็จแล้ว เรื่องต่อไปยังไง…’ คือเรามีหน้าที่ชี้ขาด ไม่ใช่มัวมานั่งเฟ้นหรือจดจ่อแบบไม่มีสติ บางทีถามสรุปไปเลยว่ายังไง อาจจะไม่ได้เรียกว่าดุ เพราะผมต้องไปทำอย่างอื่นเยอะมาก เรื่องทุกอย่างมีความสำคัญ ผมก็ต้องตบทุกอย่างให้ดีที่สุด”

เครียดไหมเวลามีปัญหา ใครบ้างที่เซ้นต์จะปรึกษา

“ไม่เครียดนะครับ ผมเป็นคนสนุก ไม่เคยรู้สึกว่ากดดันด้วย เพราะมันสนุกจนไม่รู้ว่าจะกดดันหรือเครียดได้ยังไง แต่เวลามีปัญหาก็แอบกดดันบ้างแหละ นอกนั้นผมปล่อยวางจริงๆ อย่างหนึ่งที่เราเรียนรู้คือทุกงานต้องมีคำว่าปล่อยวาง บางทีก็คุยกับหิ้งพระ (หัวเราะ) มีพี่คนหนึ่งบอกว่าทำแบบนี้แล้วจะสบายใจ ผมเลยเอามาใช้บ้าง ความจริงมีหลายคนที่ผมปรึกษา เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เก่ง ไม่ได้เพอร์เฟ็กต์อะไรขนาดนั้น ผมยังมองว่าทุกๆ คนดีกว่าผม เก่งกว่าผมตลอดเวลา ผมเดินไปปรึกษาทุกคนเลยครับ บางทีอยู่ในออฟฟิศผมก็ปรึกษา AR หรือผู้จัดการผม หรือเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ทำบัญชีให้กับบริษัท เพราะบางครั้งมนุษย์เราจะชอบคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด ตัดสินและทำเองดีที่สุด บางทีถ้าเราเอาตัวเองออกมา เราอาจจะได้มุมมองความคิดดีๆ จากคนอื่นก็ได้”

เสื้อเชิ้ตผ้าไนล่อนแขนยาวสวมทับด้วยสูทปักเลื่อม กางเกงขาสั้นผ้าไนล่อน สร้อยคอหนังโลโก้สามเหลี่ยม และรองเท้าหนัง ทั้งหมดจาก PRADA

การแบ่งเวลาให้กับงานแต่ละบทบาท

“ทุกครั้งที่ผมทำแต่ละอย่าง ผมให้ความสำคัญเท่ากันหมด เรียกว่าให้ความสำคัญมากที่สุดมากกว่า สมมติว่าไทม์ไลน์นี้ผมเป็นผู้จัด ผมจะให้ความสำคัญกับการเป็นผู้จัดมากที่สุดเพราะเป็นเวลาของเขา ไม่มีอะไรน้อยกว่าใคร ขึ้นอยู่กับว่าตารางที่เราจัดขณะนั้นเป็นเวลาของบทบาทไหน ผมมองว่ามนุษย์เรามีเวลา 24 ชั่วโมงเหมือนกันหมด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเราจัดระบบและให้ความสำคัญแต่ละอย่างยังไง ซึ่งส่วนตัวผมจะวางพาร์ตชัดเจนเลยว่าวันนี้ผมเป็นนักแสดง เป็นผู้จัด หรือเป็นพิธีกร ซึ่งพอหมดจ๊อบนั้นผมจะมีเวลาเตรียมตัวเพื่อทำงานพรุ่งนี้ หรือบางครั้งเราจัดการทั้งหมดก่อนเลยถ้ามีเวลาว่าง

ถ้าเป็นงานพิธีกร เวลาผมต้องไปสัมภาษณ์คนนี้ในฐานะที่เราเป็นโฮสต์ โจทย์ที่ผมต้องทำคือผมจะพูดกับเขายังไง เพื่อให้เขาสบายใจและรู้สึกสนุกที่สุด เขาถึงอยากจะเล่าเรื่องให้เราฟัง หรือการเป็นผู้จัด ถ้าเราจัดระบบและวางแผนดีแล้ว ทุกอย่างจะรันไปเองได้ เราแค่มีหน้าที่คอยแก้ปัญหาระหว่างทาง หรือถ้าเป็นงานละคร มันคือการซักซ้อมครับ การทำความเข้าใจบท ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราต้องจัดการ ทุกอย่างคือระบบหมดเลยครับ ผมทำตารางไว้หมดแล้วไม่ว่าจะทำอะไร ผมชอบเขียนทุกอย่างไว้ก่อน แม้แต่การเล่นหุ้น ผมยังเขียนเลยว่าฉันจะลงทุนอย่างนี้ แล้วฉันมีโอกาสหรือความเสี่ยงแค่ไหนยังไง”

แต่ละวันเซ้นต์ทำงานกี่ชั่วโมง แล้วมีเวลาพักผ่อนพอใช่ไหม

“ผมทำงานแทบจะถึงเวลานอนเลยครับ (หัวเราะ) แล้วแต่วันครับว่าได้นอนกี่ชั่วโมง เฉลี่ยประมาณ 4 ชั่วโมงต่อวัน นั่นหมายถึงการนอนเต็มๆ บนเตียง สำหรับผมคือเพียงพอนะครับ แต่ระหว่างวันสมมติอยู่กองถ่าย 1 ชั่วโมงนี้ว่าง ผมนอนเลยถ้าไม่ไหว คนเราจะมีฟีลนี้ครับ ถ้าวันนี้ไม่แจ่มใสก็ต้องงีบ ผมเป็นคนอ่านหนังสือเยอะมาก เรื่องการนอนผมก็ใส่ใจนะครับ บางทีการนอนแค่ 4 ชั่วโมงอาจจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการนอน 5-6 ชั่วโมงด้วยซ้ำ เพราะเรานอนอย่างถูกต้อง

หลายคนถามว่าไม่มีเวลาแบบนี้แล้วจะมีเวลาไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนเหรอ ผมมีเวลาดูหนังกับเพื่อนนะครับ มีเวลาไปกินข้าวกับเพื่อน เพราะสุดท้ายคือการจัดเวลาของตัวเองทั้งหมดเลย อยู่ที่การให้ความสำคัญไงครับ เหมือนแก้วหนึ่งใบที่คุณจะใส่อะไรเข้าไปก่อน ถ้าคุณใส่น้ำเข้าไปเต็มๆ คุณจะใส่หินลงไปไม่ได้แล้ว แต่ถ้าคุณค่อยๆ ใส่หินใส่กรวดเติมทรายเข้าไป มันคือการจัดลำดับทุกช่องว่างให้เต็มอะครับ”

เสื้อสเว็ตเตอร์สกรีนลายโลโก้ จาก Coach

เพิ่งจะผ่านวัย 23 ทำอะไรตั้งมากมายกว่าคนรุ่นเดียวกัน เราเร่งตัวเองเกินไปไหม

“ผมไม่รู้สึกว่าเร่งเลยครับ ยกตัวอย่างสตีฟ จ็อบส์ ย้อนกลับไปวันที่เขาเริ่มต้นในโรงรถคือเรียนปีหนึ่งนะครับ แต่ผมเริ่มธุรกิจตอนปีสาม เขาเริ่มเร็วกว่าผมอีก หรือแม้แต่บิล เกตส์ ทุกคนเริ่มเร็วกว่าผมหมดเลย ที่ผมพูดชื่อมาคือคนที่ประสบความสำเร็จ นี่คือเศรษฐีระดับท๊อปเท็นของโลก แล้วสิ่งที่ผมวางไว้มันใหญ่มาก ถ้าเริ่มต้นตอนอายุ 40 หรือ 50 คงไม่ทันแล้ว ผมต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้แหละ”

มาจนถึงจุดนี้ได้ เซ้นต์ชื่นชมอะไรในตัวเอง

“ชื่นชมความพยายามครับ ผมรู้สึกว่าเราเดินหน้าตลอดเวลา หลายอย่างที่เรามูฟออน เราสู้กับมันไปได้เรื่อยๆ ทำให้เราโตขึ้น พัฒนาขึ้น ผมพลาดเยอะครับ โชคดีที่มีสติและพลิกตัวเองทันในบางครั้ง แต่ว่าตกเจ็บก็มี ผมรู้สึกว่ามันเป็นการเรียนรู้ ผมจะใช้คำว่าพลาดนั้นว่ามันคือบทเรียนในชีวิตที่มีอะไรบาด มันเกิดขึ้นกับเรา ทุกสิ่งหล่อหลอมให้เป็นตัวเรา ยกตัวอย่างเรื่องความรัก ถ้าเราไม่เคยอกหัก เราจะรู้ไหมว่าเป็นยังไง วันก่อนเพื่อนผมมาปรึกษาเรื่องนี้เพราะเขาไม่เคยอกหักมาก่อนในชีวิต ผมบอกว่าแบบเนี้ยเราเจอมาแล้ว มันเป็นอย่างนี้ๆ บางทีบทเรียนอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นแล้วทำให้เราเรียนรู้และโตขึ้นเท่านั้น แต่อาจทำให้ใครบางคนโตไปกับเราด้วย

มีอีกอย่างที่ผมบอกตัวเองตลอดเวลา เพราะมนุษย์เรามักจะมีความคิดที่ทำให้เราเบ้ไปในทางไม่ดีหรือคิดไม่ดีเยอะ ผมเป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกันที่มีความรู้สึกโลภ-โกรธ-หลง เลยพยายามจะบอกให้ตัวเองไม่คิด บางทีเราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบ เพราะเราทำงานทั้งเบื้องหลังเบื้องหน้า มันจะมีความรู้สึกขึ้นมาว่า ทำไมเขาไม่ทำแบบนี้ แล้วจู่ๆ เหมือนมีอีกตัวของผมถามว่า แล้วเมื่อสามปีที่แล้วคุณไป judge เขาแบบนี้หรือเปล่า เออ เราไม่ได้ judge เขานี่หว่า แล้วทำไมวันนี้ judge ล่ะ แสดงว่าเราทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วอะดิ งั้นเทน้ำทิ้งเดี๋ยวนี้ คือจะมีอีกตัวสอนผมอยู่ข้างใน ซึ่งผมก็คุยกับตัวเองนั่นแหละ ดูเหมือนคนบ้าไหม (หัวเราะ)”

หลายอย่างที่เรามูฟออน ทำให้เราโตขึ้น พัฒนาขึ้น ผมพลาดเยอะครับ ตกเจ็บก็มี ผมรู้สึกว่ามันเป็นการเรียนรู้ ผมจะใช้คำว่าพลาดนั้นว่ามันคือบทเรียนในชีวิตที่มีอะไรบาด

บอมเมอร์แจ๊กเก็ตโอเวอร์ไซส์ทอลายดอกไม้ กางเกงขายาวสีดำดีเทลกระเป๋า และสร้อยคอโซ่โลหะประดับมุก ทั้งหมดจาก DOLCE&GABBANA

คิดว่าตัวเองโชคดีไหม แล้วถ้ามีคนบอกว่าชีวิตเซ้นต์น่าอิจฉา

“ถ้าเป็นคำพูดผมจะบอกว่า ผมโชคดีแหละที่มีทุกๆ คน หรือได้อะไรหลายๆ อย่างมา แต่ถ้าย้อนกลับไปชีวิตผมมาด้วยหนามหมดเลยนะ เข้าวงการมาได้ไม่ถึงปีผมโดนข่าวแรงๆ เยอะมาก มีดราม่าเพียบ โดนโจมตีเยอะ แต่ผมผ่านทุกอย่างมาได้ ถามว่าโชคดีไหม ในมุมหนึ่งเราโชคดีที่หลายๆ อย่างประสบความสำเร็จ แต่ในอีกมุมหนึ่งผมไม่เคยได้อะไรมาง่ายเลย กว่าจะมีวันนี้ก็คือผ่านอะไรมาเยอะมาก เจ็บมาเยอะ หลายคนบอกว่าเจ็บแล้วต้องจำ แต่ผมเจ็บแล้วปล่อยวาง มีเรื่องเดิมเกิดขึ้นซ้ำๆ เราจะแค่มองแล้วปล่อยวาง อ๋อ มันเคยเกิดขึ้นแล้ว ไม่เห็นต้องทุกข์เหมือนวันนั้นเลย (น้ำเสียงร่าเริง) เหมือนตอนเด็กๆ เวลาเพื่อนล้อชื่อพ่อ โอ้โห! โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พอโตขึ้นมาก็แค่นั้น เพราะมันเกิดการเรียนรู้ ซึ่งเหมือนกันบางทีผมถูกใส่ร้าย เราฟังแล้วก็เอ้อ! ช่างมัน แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงเราโอเค นี่คือเรื่องจริง แต่ถ้าไม่จริงเราก็ปล่อยวางแค่นั้นเอง”

ตัวตนจริงๆ ของเซ้นต์…

“ผมไม่รู้จริงๆ ว่าตัวจริงคือยังไง หลายคนบอกว่าอยู่ในวงการบันเทิงเราต้องเป็นคนของวงการ แต่ผมรู้สึกว่าทุกวันนี้ทุกอย่างมีความสุขไปหมด เลยไม่รู้ว่าตัวจริงในชีวิตจริงคืออะไร แค่รู้สึกว่าผมก็เป็นแบบนี้ ตอนเข้าวงการผมก็เป็นแบบนี้ ผมเป็นคนสนุกสนาน จอยกับทุกคน เฮฮากับทุกคน คุยเล่นได้ ปาร์ตี้กับทุกคน แต่ก็มีมุมส่วนตัวของตัวเองที่ส่วนตั๊วส่วนตัว ส่วนตัวของผมคืออยู่ในห้องพระ ผมก็มีความสุขของผมแล้วนะ”

Photographer: Narin Lourujirakul

Stylist: Piphacha Vonpiankul

Writer: Angkana Wongwisetpaiboon

Makeup: Kwankhao Sumalee

Hair: Phoonthas Lertmanorat 

Photographer Assistant: Nikhom Noikham

Stylist Assistant: Naruamol Namkaew

Other Articles