Thursday, February 6, 2025

Tourbillon คอมพลิเคชั่นต่อกรกับแรงโน้มถ่วงที่อยู่คู่โลกนาฬิกามานานสองศตวรรษ

คอมพลิเคชั่น (Complication) เป็นศัพท์เฉพาะของโลกนาฬิกา สื่อถึงฟังก์ชั่นที่มากกว่าการแสดงชั่วโมง นาที วินาที ซึ่งที่คนรักนาฬิกาน่าจะได้รู้จักกันมาแล้วบ้าง อย่างเช่น Chronograph หรือการจับเวลา Moonphase หรือการแสดงข้างขึ้นข้างแรม Annual Calendar หรือปฏิทินรายปี Perpetual Calendar หรือปฏิทินถาวร Minute Repeater หรือการตีบอกเวลา ไปจนถึง World Time แสดงเวลา 24 ไทม์โซน

คอมพลิเคชั่นที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มีคุณประโยชน์ในการแสดงข้อมูลเวลาต่างๆ แต่มีคอมพลิเคชั่นหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับการแสดงเวลาแต่อย่างใด หากแต่ทำหน้าที่ทำให้กลไกจักรกลทำงานอย่างเที่ยงตรง นั่นคือ Tourbillon และด้วยความสลับซับซ้อนของมันทำให้ถูกจัดอยู่ในคอมพลิเคชั่นด้วยนั่นเอง 

ย้อนกลับไปเมื่อ 26 มิถุนายน 1801 เป็นวันที่ อับราฮัม-หลุยส์ เบรเกต์ ได้รับใบจดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ของเขาที่เรียกว่า ทูร์บิญง ซึ่งเป็นเรกูเลเตอร์ชนิดใหม่ของโลกนาฬิกาในตอนนั้น ย้อนกลับไปในปี 1975 เบรเกต์ซึ่งต้องอพยพหนีภัยการเมืองไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์และได้เดินทางกลับมายังปารีส ตอนนั้นเขาเป็นที่รู้จักในฐานะวอทช์เมเกอร์ผู้มอบมรดกให้กับโลกนาฬิกา ทั้งในด้านกลไก (ระบบรองรับแรงกระแทกในนาฬิกา สปริงแบบเบรเกต์ ลวดฆ้องในนาฬิกาตีบอกเวลา) และดีไซน์ (ฟอนต์ตัวเลขอารบิกแบบเบรเกต์ เข็มสีน้ำเงินแบบเบรเกต์ สไตล์กิโยเช่แบบเบรเกต์)

เบรเกต์เข้าใจดีว่าการเดินของนาฬิกานั้นมีความไม่แน่นอนอันเนื่องมาจากแรงโน้มถ่วงของโลก ลองนึกภาพนาฬิกาพกที่ถูกวางไว้ในแนวระนาบ (เช่นบนโต๊ะ) ซึ่งทุกชิ้นส่วนกลไกจะถูกแรงโน้มถ่วงกระทำในระดับที่เท่ากัน กับนาฬิกาที่แขวนห้อยในแนวดิ่งยามเก็บไว้ในกระเป๋าเป็นเวลานานๆ ซึ่งแรงดึงดูดของโลกจะส่งผลต่อการทำงานของชิ้นส่วนฟันเฟืองต่างๆ ทำให้เวลาคลาดเคลื่อน เบรเกต์จึงแก้ไขด้วยการจับเอาชิ้นส่วนที่ได้รับผลกระทบ (ซึ่งก็คือบาลานซ์วีล บาลานซ์สปริง และเอสเคปเมนต์) ใส่เข้าไปในกรงที่หมุนอยู่ตลอดเวลา เป็นการชดเชยความคลาดเคลื่อน ทำให้แสดงเวลาได้อย่างแม่นยำที่สุด และลักษณะการหมุนนั้นก็เป็นที่มาของชื่อคอมพลิเคชั่นทูร์บิญง ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่าการหมุนหรือการโคจร 

“By means of this invention, I have successfully compensated for the anomalies arising from the different positions of the centers of gravity caused by the regulator movement.”

– Abraham-Louis Breguet –

หลังจากจดสิทธิบัตรได้สำเร็จ เขาใช้เวลาหลายปีในการสร้างสรรค์นาฬิกาทูร์บิญงเรือนแรกที่เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนจนแล้วเสร็จในปี 1805 ตลอดช่วงชีวิตของอับราฮัม-หลุยส์ เบรเกต์ เขาได้ผลิตนาฬิกาพ็อกเก็ตวอทช์ที่มีทูร์บิญงทั้งสิ้น 35 เรือน และมี 20 เรือนที่ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน นวัตกรรมที่เขาได้สร้างสรรค์ไว้ถือเป็นมรดกสำคัญ ไม่เพียงเฉพาะต่อแบรนด์ของเขาเอง แต่ยังรวมถึงโลกนาฬิกาชั้นสูงด้วย 

เป็นเวลากว่าหนึ่งศตวรรษ เราจึงได้เห็นพัฒนาการของทูร์บิญง เมื่ออัลเฟรด เฮลวิก วอทช์เมกเกอร์และอาจารย์ผู้สอนประจำโรงเรียนผลิตนาฬิกาที่เมืองกลาชุตเตอ ประเทศเยอรมนี ได้พัฒนา Flying Tourbillon ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1920 ดูราวกับชุดจักรกลอกทำงานลอยอยู่กลางอากาศ เพราะปราศจากแป้นยึดแกนจักร แต่ติดตั้งแกนค้ำชุดกรง ‘Flying Tourbillon’ ไว้ด้านหลัง

อีกหนึ่งผลงานเด่นที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็คือ Audemars Piguet 25643 Ultra Thin Automatic Tourbillon Caliber 2870 ซึ่งเปิดตัวในปี 1986 ถือเป็นนาฬิกาที่มีสายการผลิตนาฬิกาข้อมือกลไกทูร์บิญงเชิงพาณิชย์รุ่นแรกของโลก ทั้งยังใช้ไทเทเนียม วัสดุสุดล้ำที่มีน้ำหนักเบาในยุคนั้นมาผลิตกรงทูร์บิญง ทั้งยังบางเฉียบและทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ 

แต่ถ้าพูดถึงนาฬิกาทูร์บิญงแบบบางเฉียบที่สุดในโลกยามนี้ ต้องยกให้กับการพัฒนาของ Bvlgari ในลงานที่ชื่อว่า Octo Finissimo Tourbillon ซึ่งออกมาในปี 2015 ตัวเรือนมีความหนาเพียง 5.0 มิลลิเมตร ในขณะที่กลไก Cal.BVL 268 เป็นระบบไขลานพร้อมจักรกล Flying Tourbillonž ประกอบด้วยชิ้นส่วน 249 ชิ้น วัดความบางเฉียบได้เพียง 1.95 มิลลิเมตร (เมื่อรวมความสูงของกรงทูร์บิญงแล้ว) ซึ่งบางกว่าเหรียญ 5 ฟรังก์สวิสเสียอีก!

ที่จริงแล้ว นาฬิกาข้อมือที่เราใช้ในปัจจุบันไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากแรงโน้มถ่วงเหมือนนาฬิกาพกในสมัยอดีต แต่เรายังจำเมื่อสิบปีก่อนได้ สมัยที่ทูร์บิญงกลับมาเป็นที่นิยมในนาฬิกาชั้นสูงอีกครั้ง  ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะทูร์บิญงซึ่งมีความสลับซับซ้อนจนกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์บ่งบอกความเป็นนาฬิกาชั้นสูง แถมเจ้าจักรกลนี้ยังเป็นเหมือนแคนวาสให้แบรนด์นาฬิกาชั้นนำต่างๆ ได้ประลองความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในทางเทคนิค ทั้งการใช้วัสดุใหม่ การประดับอัญมณี การติดตั้งทูร์บิญงในตำแหน่งใหม่ การพัฒนาทูร์บิญงหลายแกน ไปจนถึงการผนวกเข้ากับคอมพลิเคชั่นอื่นๆ เพื่อความสลับซับซ้อนยิ่งขึ้น 

และที่สำคัญคือ เรื่องของความงดงามพิศวงของจักรกลขนาดเล็กที่หมุนวนอยู่ตลอดเวลาบนหน้าปัดราวกับเริงระบำ ใครเลยจะไม่หลงใหลสิ่งประดิษฐ์เล็กๆ ที่ช่วยให้กาลเวลาที่ผ่านไปน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าเดิม






Other Articles