Thursday, March 30, 2023

MUSE โมบายล์-พิมรภัส สาวน้อยเสียงใสผู้เข้าใจความหมายของการเป็นไอดอล

ใครบ้างไม่ตกหลุมรักในเสน่ห์ความสดใสของเธอคนนี้? จากสาวน้อยเจ้าของรอยยิ้มน่ารักในเพลง ‘คุกกี้เสี่ยงทาย’ ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ของวงการเพลง วันนี้ โมบายล์-พิมรภัส ผดุงวัฒนะโชค เติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่งและกลับมาอีกครั้งในฐานะเซ็นเตอร์ของ ‘ดีอะ’ ซิงเกิลลำดับที่ 10 ของวง BNK48… จากอันเดอร์เกิร์ลที่ไม่มีใครสนใจ เธอทำให้เราเห็นว่าความพยายามไม่มีวันสูญเปล่า

-เดือนนี้อายุ 19 แล้ว ย้อนวัยเด็กกันหน่อยว่าเป็นอย่างไง โตมากับตุ๊กตาบาร์บี้ไหม 

“ตอนเด็กเหรอคะ จำได้ว่าใช้เงินเก่งค่ะ (หัวเราะ) พอโตมาก็คิดบ้างว่าอะไรจำเป็นไม่จำเป็น แล้วก็เป็นเด็กร่าเริง คุณแม่ขายของเล่นก็เลยได้ตามแม่ไปซื้อของเล่นมาขาย หนูชอบร้องชอบเต้นมาตั้งแต่เด็กเลยค่ะ ชอบไอดอล แต่ก็ไม่ได้มีทักษะร้องเต้นอะไรมากค่ะ ชอบเล่นเกมจนไม่หลับไม่นอน”

-เป็นลูกสาวแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่หวงหรือให้อิสระ

“ถือว่าให้อิสระระดับหนึ่งค่ะ เพราะหนูก็คอสเพลย์มาตั้งแต่เด็ก หนูมีสังคมของหนู ออกไปกับเพื่อนๆ ได้ แม่ปล่อยในระดับหนึ่งค่ะ แต่ถ้ามีอะไรก็ปรึกษาได้”

-ทราบมาว่ามีหลายฉายา แต่ฉายา โมบายล์ลูกเทพ มาได้อย่างไร เพราะตุ๊กตาลูกเทพเหรอ 

“ตอนนั้นตุ๊กตาลูกเทพกำลังดัง แล้วทีนี้เขาให้ทำไมโครโฟนของตัวเองเพื่อจะได้ไปซ้อมเต้น หนูก็ไม่รู้จะทำอะไร แต่ที่บ้านของเล้นเยอะ ก็เลยเอาตุ๊กตามาติด แล้วก็ตั้งชื่อว่าไมค์ลูกเทพ แล้วคนก็เลยเอามาเป็นฉายาให้หนูว่า โมบายล์ลูกเทพ” 

-จะว่าไปโมบายล์ก็เติบโตในยุคที่วัฒนธรรมเกาหลีบูมสุดๆ แล้วมาชอบวัฒนธรรมป็อปญี่ปุ่นได้อย่างไร

“แรกๆ หนูชอบวงการไทยก่อน ส่วนเพื่อนๆ จะเริ่มไปชอบเกาหลี แต่หนูชอบหาเวย์ของตัวเองตั้งแต่เด็ก ตอนดูยูทูบก็เห็นการเต้นของญี่ปุ่นรู้สึกว่าน่ารัก เลยเริ่มสนใจวัฒนธรรมญี่ปุ่น เริ่มคอสเพลย์และเต้นคัฟเวอร์ แต่เป็นสายไอดอลน่ารักหวานๆ นี่ก็มารู้ตอนโตว่าญี่ปุ่นไม่ได้มีแนวน่ารักอย่างเดียว แล้วเมื่อก่อนก็รู้จักพี่ๆ ที่อยู่วงคัฟเวอร์จริงจัง เป็นวงที่มีผู้จัดการ เขาก็ชวนมาเต้นด้วยกัน เลยได้ทำวงกับพี่ๆ อยู่ปีหนึ่ง แล้วพอวง BNK48 มาเปิดออดิชั่น พี่ๆ ก็ผลักดันว่าไปสมัครเลย เพราะถึงเราคัฟเวอร์ แต่ความฝันก็คือการเป็นไอดอลแหละ”

-พูดได้ว่าโมบายล์เติบโตมากับวง BNK48 เพราะเข้ามาตั้งแต่เด็ก ถ้านับตั้งแต่แรกก็ 5 ปีแล้ว 

“ก็ตั้งแต่แรกที่คัดเข้ามาเลย แต่หนูไม่ได้ติดเซ็มบัตสึ (สมาชิกที่ได้รับเลือกให้มีส่วนร่วมในซิงเกิลนั้นๆ) ตั้งแต่ซิงเกิลแรกน่าจะสองปีได้ค่ะก่อนที่จะมีเพลง ‘คุกกี้เสี่ยงทาย’ ตอนนั้นคิดแค่ว่าชอบเต้นชอบร้อง ทำอย่างไรให้เป็นที่รู้จัก เพราะเราไม่ได้ติดเซ็มบัตสึตั้งแต่แรก การจะขึ้นมาลำดับ 1-16 มันต้องมีทั้งเรื่องความสามารถและความนิยมด้วย ทำยังไงก็ได้ให้เรา shine ออกมา แล้วยิ่งเราเป็นอันเดอร์เกิร์ล ก็ต้องแสดงความเป็นตัวของตัวเอง ให้คนชอบเราในแบบที่เป็นเรา”

-‘คุกกี้เสี่ยงทาย’ เป็นเพลงแรกที่ทำให้คนทั่วไปได้รู้จัก BNK48 ด้วย แถมยังได้ยอดวิวเกือบสามร้อยล้านวิวด้วย สำหรับตัวโมบายล์รู้สึกอย่างไร 

“ใช่ หนูรู้สึกว่าแฟนคลับ 80-90 เปอร์เซ็นต์ที่ติดตามหนูก็มาจากเพลงคุกกี้เสี่ยงทาย รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน แล้วมันเป็นเพลงที่สื่อภาพ BNK48 เป็นเพลงน่ารักสดใส จำง่าย มีผู้หญิงเต้นกันเยอะๆ มันใหม่สำหรับประเทศไทย เพราะตอนนั้นไม่ค่อยมีเกิร์ลกรุ๊ปที่สมาชิกหลายคน แล้วจังหวะเพลงมันก็ติดหู ท่าเต้นด้วย มันเลยเป็นไวรัล ก็มีคนเต้นคนร้องตามกันเยอะมาก”

-รู้สึกอย่างไรที่ตอนนั้นได้ก้าวจากอันเดอร์เกิร์ลมาเป็นเซ็นเตอร์ของซิงเกิลนี้เลย 

“รู้สึกเหมือนสปอตไลต์ส่อง ช่วงแรกก็ตื่นเต้น แต่ต่อมาก็รู้สึกกดดัน เพราะอย่างที่บอกหนูพูดไม่ค่อยเก่ง เลยเหมือนเป็นปมด้อยในการดำรงชีวิตเป็น BNK48 เพราะเราไม่ได้เป็นเซ็มบัตสึซิงเกิลก่อนหน้านี้ อยู่ดีๆ ก็ก้าวขึ้นมาเลย แล้วคนก็จะจับตาดูว่าได้เพราะอะไร คนนี้คือใคร เซ็นเตอร์คนนี้ดร็อปไหม ทำให้คิดว่าเราไม่เหมาะหรือเปล่า ประสบการณ์ไม่พอหรือเปล่า แล้วเราต้องพูดเยอะที่สุดก็เลยยิ่งกดดัน แต่เราก็ยังคิดบวกว่าจะทำให้ได้ ดีใจและภูมิใจนะที่ได้ตำแหน่งนี้ ก็พยายามทำไปในสิ่งที่เราคิดว่ามีความสุข”

-ดูภาพยนตร์กึ่งสารคดี One Take ใน Netflix โมบายล์พูดว่าอยากจะทำให้ดีกว่าครั้งแรก เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจเลยใช่ไหม

“อยากให้ยอมรับว่า เอ้อ ไม่ต้องชมก็ได้ แต่ไม่อยากให้ติดว่าทำไมถึงเลือกเด็กคนนี้มา เราก็เป็นคนปกติที่ได้รับเลือกมา”

-แล้วมีอะไรที่อยากพัฒนาอีกไหม

“ถ้าเรามีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำมันก็จะดีได้เอง ยิ่งกดดันตัวเองหน้าก็จะยิ่งแสดงออก”

-แล้วการกลับมาเป็นเซ็นเตอร์อีกครั้งกับซิงเกิล ‘ดีอะ’ รู้สึกอย่างไร คาดหวังกว่าเดิมไหม

“ไม่ได้กดดันเหมือนเมื่อก่อนค่ะ เพราะเราผ่านประสบการณ์มาแล้ว และได้ฝึกฝนมาค่อนข้างเยอะ เลยเลือกที่จะมีความสุข เล่นกับเพื่อน เต้นกับเพื่อน ตีความในแบบของเรา อาจจะมีกดดันในแง่ที่ว่าทุกคนคาดหวังว่าเพลงนี้จะต้องกลับมาดังมากๆ แต่เราก็อยากให้ทุกคนสนุกไปกับเพลง ถ้าทุกคนชอบเพลง ก็น่าจะไปได้ดี”

-หลังจากปล่อยซิงเกิล ‘ดีอะ’ ออกไปแล้ว กระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง 

“คิดว่าทุกคนน่าจะชอบเอ็มวี ทุกคนบอกว่าติดหู เต้นง่าย ไม่ก็บอกว่านี่แหละเพลง BNK48 กลับมาแล้ว เหมือนเพลงคุกกี้ฯ แบบเต้นง่ายๆ อย่างท่อนฮุกมีการเพิ่มเบสิกแดนซ์เข้าไป ให้ดูเท่ๆ แข็งแรงด้วย”

-เพลงนี้พิเศษอย่างไรสำหรับโมบายล์ 

“เป็น Original Song เพลงแรกค่ะ ปกติจะเป็นเพลงที่เราเอามาจากรุ่นพี่ AKB48 ของญี่ปุ่น แล้วเนื้อหาเพลงใหม่นี้มันคือเรื่องราวของพวกเรา BNK48 อารมณ์สาวๆ นั่งคุยกัน ชอบคนนั้นคนนี้ เหมือนเป็นมุมมองของผู้หญิงที่เปิดเผยมากๆ แต่ก็มีความขี้อายอยู่ มันแต่งจากสิ่งที่เราอยากจะสื่อ ดีใจที่ได้เป็นคนถ่ายทอดเนื้อหาเพลงนี้ค่ะ”

-5 ปีที่ผ่านมาได้เรียนรู้อะไรจากการได้เข้ามาอยู่ในวง BNK48 

“หนูได้ฝึกอะไรหลายอย่างที่ไม่คิดว่าจะได้ฝึก อย่างหนูพูดไม่รู้เรื่อง แล้วก็ไม่รู้ตัวด้วย คนฟังเราแล้วงง ก็ไม่คิดว่าจะต้องมาฝึกการพูดให้ดูเรียบร้อยและเป็นทางการ เราเคยคิดว่าการเป็นไอดอลก็คือร้องและเต้นแค่นั้น แต่จริงๆ ต้องทำหลายอย่าง แล้วเราก็รักษาภาพลักษณ์ในนาม BNK48 ด้วย จากที่เราดูเป็นเด็กๆ ชอบเล่น ก็วางตัวให้เราดูโตขึ้น แล้วก็ได้มิตรภาพจากเพื่อนๆ ร่วมวงด้วย เพราะได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาค่ะ”

-วง BNK48 มีระบบที่ไม่เหมือนใคร มีการคัดว่าใครได้เป็นเซ็มบัตสึ ได้เป็นเซ็นเตอร์ มีการจัดลำดับ มีการโหวต ชีวิตส่วนหนึ่งคือการแข่งขัน แต่อยู่มาจนถึงวันนี้สิ่งพวกนั้นยังสำคัญอยู่ไหม

“สำคัญนะคะ เพราะทุกคนก็ต้องแอ็กทีฟ อย่างงาน General Election ที่เลือกว่าใครจะได้เป็นเซ็มบัตสึโดยการให้แฟนคลับโหวต จริงๆ เราไม่เคยคิดที่จะแข่งกันเลย แต่คนนอกดูอาจจะคิดว่าเราแข่งกัน แต่แค่เราทุกคนก็อยากจะไปอยู่ในจุดที่ดีที่สุด ทำตามหน้าที่ของตัวเอง และแฟนคลับก็คาดหวัง คอยส่งคอยดันเรา เราก็ต้องพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าเราอยากก้าวขึ้นไปจริงๆ” 

-จนถึงตอนนี้ คิดว่าไอดอลคืออะไรกันแน่

“ก็เหมือนนักร้อง เกิร์ลกรุ๊ปทั่วไป ในความรู้สึกหนูนะ แค่วงเราไม่ได้เป็นวงที่ทุกคนเก่งมาเลย ที่ทุกคนพร้อมขายเพลงขายเต้น แต่ไอดอลมันมีความขายคาแร็กเตอร์ ขายความเป็นตัวเอง อย่างหนูก็ไม่ได้เก่งมาตั้งแต่แรก ตอนนี้ก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น มันเป็นการเดินทางของแต่ละคนว่าไปจุดไหน มีพัฒนาการขนาดไหน ในไทยอาจจะคิดว่าไอดอลคือคนที่เพียบพร้อม แต่เราก็เป็นไอดอลอีกแบบที่อาจจะไม่ได้เก่งมาตั้งแต่แรก แต่มีความพยายามจนก้าวมาสู่จุดที่เป็นไอดอลได้” 

-มาเรื่องงานแสดงบ้างดีกว่า ปีนี้จะมีทั้งภาพยนตร์ ‘ผ้าผีบอก’ และซีรีส์ ‘Rhythm of Life’ ที่ได้เป็นนางเอกเต็มตัว 

“อย่างภาพยนตร์ก็เปลี่ยนลุคเลยเพราะเป็นแนวย้อนยุค สนุกดีค่ะ มีเครียดบ้างเพราะเราเป็นมือใหม่ ถึงจะเคยแสดงใน ‘ไทยบ้าน’ แต่ตอนนั้นแสดงเป็นตัวเอง เรื่องนี้จะมีบทจริงจังกว่า ส่วนซีรีส์จะยากขึ้นมาอีกเพราะเป็นนักแสดงเต็มตัวเลย แล้วบทที่ได้คือต้องเก่ง เพอร์เฟ็กต์ แต่ตัวเราเองมีทั้งข้อดีข้อเสีย มันต่างจากตัวจริง ก็เลยยากที่จะเป็นตัวละครนี้ ก็มีเรียนการแสดงและทักษะอื่นๆ ด้วยค่ะ”

-มันทำให้ชอบทางนี้ไหม

“หนูชอบศิลปะการแสดงนะ แต่มันมีความกดดัน รู้สึกลน กลัวทำไม่ได้ มันเป็นความหลงใหลอย่างหนึ่ง เป็นเรื่องที่ท้าทายเรา ต้องสู้และลองทำสักตั้ง”

-ถ้าไม่ร้องไม่เต้น โมบายล์ชอบทำอะไร

“หนูชอบถ่ายรูป ถ่ายกล้องฟิล์ม ชอบไปช็อปปิ้ง ชอบแฟชั่น ชอบดูความสวยความงาม ไม่ต้องซื้อก็ได้ แต่ขอดูก็มีความสุขแล้ว ทำให้เราผ่อนคลายได้”

-อะไรที่แฟนคลับทำให้ประทับใจไม่มีวันลืม

“น่าจะเป็นเรื่องเลือกตั้งค่ะ เพราะมันใช้เงินมหาศาล ไม่คิดว่าเขาจะจริงจังกันขนาดนี้ เราเองคิดว่าไม่เป็นไร อันดับไหนก็ได้ แต่แฟนๆ คือจริงจัง ทำให้เราต้องมองเป้าหมาย และไปให้ถึงที่สุด ต้องสู้ ต้องฮึบ คือเขาอยากให้เราได้ดี โดยที่ไม่ได้เป็นญาติกันด้วยซ้ำ หรืออย่างในงานจับมือ บางคนบอกเราว่าเราช่วยเขาได้เลยนะ ทั้งที่ได้คุยกันไม่กี่ประโยค แต่มันเป็นมิตรภาพดีๆ ที่เราสื่อถึงกันได้” 

-แล้วเวลามีปัญหา ปรึกษาใครคะ

“ปกติชอบปรึกษาพี่ปูเป้กับพี่น้ำหนึ่ง พี่เป้จะมีความคิดคล้ายๆกัน พี่น้ำหนึ่งจะโตกว่า แต่ก็จะผ่านอะไรมาคล้ายๆ กัน แต่โมบายล์ก็รับฟังคนอื่นได้นะ”

-อยากบอกอะไรกับตัวเองในตอนอายุ 18 ก่อนที่จะ 19 ในเดือนนี้ 

“เคยคิดว่าอายุ 18 เรายังใช้ไม่คุ้มเลย แต่พอมาคิดอีกที เราก็ได้ทำอะไรมาหลายอย่างแล้ว อยากจะบอกว่าเราทำเต็มที่แล้ว หนูเคยคิดว่าอายุ 18 ต้องได้ซ่าอะไรสักเรื่องจะได้ดูเป็นวัยรุ่น แต่ก็ไม่มี (หัวเราะ) ถือว่าคุ้มแล้ว ก็จะเติบโตขึ้นในปีต่อไปค่ะ”

-อยากบอกอะไรกับคนที่มีความฝันเหมือนโมบายล์

“อยากให้ทำในสิ่งที่ชอบที่สุด ถึงมันจะลำบากขนาดไหน อย่างน้อยก็ได้ทำในสิ่งที่รัก แล้วก็พยายามพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ก้าวข้ามผ่านสิ่งที่เราทำไม่ได้เพื่อไปให้ถึง แล้วก็เป็นตัวของตัวเอง แล้วก็มีความสุขค่ะ”

Photographer: Adison Rutsameeronchai

Stylist: Piphacha Vonpienkul

Writer: Pimpilai Boonjong

Photographer Assistant: Anurak Duangta

Stylist Assistant: Nattanit Choksakulkeat

Makeup: Thanachok Siriveeraphan

Hair: Boonsiri Noi-iam

Other Articles