ผ่านไป 20 ปีแล้วนับตั้งแต่ที่เราได้ดู #theprincessdiaries ภาพยนตร์วัยรุ่นที่ว่าชีวิตพลิกผันของ มีอา เธอร์โมโพลิส เด็กสาวอเมริกันธรรมดาสู่การเป็นเจ้าหญิงของประเทศเล็กๆ อย่างเจโนเวีย
ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย แกร์รี่ มาร์แชล ซึ่งเคยกำกับหนังดังอย่าง Pretty Woman เรื่องราวสร้างจากนิยายขายดีในชื่อเดียวกันของนักเขียนเม็ก แคบบอทที่ทำเอาสาวๆลุกขึ้นมาเขียนไดอารี่กันยกใหญ่ และด้วยความนิยมของภาคแรกก็ทำให้มีการสร้างภาคสองตามมา (ชื่อ The Royal Engagement) ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเรียกได้ว่าเป็นการแจ้งเกิด แอน แฮทธาเวย์ นักแสดงสาวซึ่งตอนได้บทนั้นเธออายุ 17 ปี และเธอก็สามารถทำให้เราหลงรักตัวละครเจ้าหญิงที่เข้าถึงได้ง่ายคนนี้ และยังแสดงมือประกบคู่นักแสดงรุ่นใหญ่อย่างจูลี แอนดรูว์ได้อย่างน่าชื่นชม
“หลังจากเล่นเรื่อง Princess Diaries ฉันก็ถูกมองว่าเป็นเด็กสาวแสนดี และตลอดแปดปีแรกที่ฉันทำงาน ฉันต้องสู้เพื่อให้ได้บทบาทอื่นๆ แต่ฉันชอบที่จะสู้เพื่องานนะ เพราะเมื่อได้มันมา มันเหมือนเราได้กลายเป็นผู้ชนะ แล้วก็รู้สึกว่า โอเค ฉันได้ล่ะ” นักแสดงสาวเคยให้สัมภาษณ์ไว้
องค์ประกอบความเป็นคอเมดี้ ความโรแมนติกใสๆ (แม้จะไม่ใช่องค์ประกอบหลักของเรื่อง) ความซาบซึ้งของสายสัมพันธ์ครอบครัว และที่ขาดไม่ได้คือการแปลงโฉม เรียนรู้ และพัฒนาตัวเองจากเด็กสาวม.ปลายที่ไม่ได้โดดเด่นสู่การเป็นเจ้าหญิงที่สมบูรณ์แบบ องค์ประกอบที่ย่อยง่ายเหล่านี้ ทำให้เราพร้อมที่จะรักภาพยนตร์เรื่องนี้จนกลายเป็นหนังดังสำหรับคนที่เติบโตมาในยุคมิลเลนเนียม และมีหลายฉากที่กลายเป็นที่จดจำและสามารถวนกลับมาดูซำ้ได้เรื่อยๆ อย่างตัวอย่างเหล่านี้
“เธอคืออาเมเลีย มิยอนเนต เธอร์โมโพลิส เรนัลดี เจ้าหญิงแห่งเจโนเวีย”
“หนูเหรอ? เจ้าหญิง?”
“หุบปากน่า!”
“ราชินีไม่เคยสาย ทุกคนต่างหากที่มาก่อนเวลา”
“ความกล้าหาญใช้ว่าปราศจากความกลัว แต่เป็นการตัดสินใจได้ว่ามีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่าความกลัว”
“คนกล้าอาจไม่ได้อยู่ยงตลอดไป แต่คนที่มัวแต่กลัวจะไม่ได้ใช้ชีวิตเลย”
“ทำไมเป็นผม”
“เพราะคุณมองเห็นฉันตอนฉันยังไร้ตัวตนน่ะสิ”
สำหรับใครที่คิดถึงถาพยนตร์เรื่องนี้ มีให้ชมทาง disney+hotstar ส่วน The Princess Diaries ภาคสามที่มีข่าวออกมาเมื่อปีที่แล้วว่ามีการทำสคริปต์ออกมาแล้ว ก็ต้องติดตามกันต่อไป