สำหรับแบรนด์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน มรดกหรือ Heritage คือสิ่งที่ต้องสืบสาน โดยผสมผสานเข้ากับมุมมองร่วมสมัย เช่นเดียวกับทิศทางของ Longines ในทศวรรษใหม่ภายใต้การบริหารงานของ มร. Matthias Breschan ซึ่งเข้ารับตำแหน่งซีอีโอเมื่อกลางปีที่แล้ว ได้ให้ความสำคัญกับ Heritage ไม่ว่าจะในนาฬิกาตระกูล Classic หรือในนาฬิกาตระกูล Sport
สำหรับปี 2021 ต้องบอกว่าเป็นปีแห่งความคิดสร้างสรรค์ของแบรนด์ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1832 ทั้งยังเต็มไปด้วยผลงานที่น่าสนใจที่ Longines ตั้งใจนำเสนอเพื่อเจาะตลาดทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
HydroConquest
HydroConquest คือนาฬิกาสปอร์ตร่วมสมัยจาก Longines ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์สวยงามและฟังก์ชั่นนาฬิกาที่เหมาะแก่กีฬาทางน้ำ โดยในปีนี้ได้เพิ่มเวอร์ชั่นสีทูโทนเข้ามา คือ ตัวเรือนสตีลตกแต่งพีวีดีสีโรสโกลด์ และตัวเรือนสตีลตกแต่งพีวีดีสีเยลโลว์โกลด์ เข้ากับหน้าปัดสีน้ำเงิน, สีเทา, สีดำ และสีเขียว ขอบหน้าปัดเซรามิกสีเดียวกับหน้าปัด และนอกจากสายโลหะแล้ว ยังมีสายรัดรับเบอร์ให้เลือกสรรด้วยกันหลากหลายเฉดสี ไม่ว่าจะเป็น สีดำ สีน้ำเงิน และสีเขียว
และที่ขาดไม่ได้ก็คือคุณสมบัติเด่นที่ทำให้ HydroConquest ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นนาฬิกาดำน้ำ ทั้งการกันน้ำ 300 เมตร ขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ทิศทางเดียว ฝาหลังตัวเรือนแบบขันเกลียวแน่น และสายรัดข้อมือพร้อมตัวล็อคแบบพับที่สามารถปรับขยายสายเพื่อสวมใส่กับชุดดำน้ำได้ ทั้งยังทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ L888.5 และมีซิลิคอน บาลานซ์ สปริง ที่ช่วยกันแรงดูดสนามแม่เหล็ก เพื่อการันตีในเรื่องความแม่นยำระดับสูงและอายุการใช้งานที่ยาวนาน
The Longines Avigation BigEye
The Longines Avigation BigEye คือผลงานสร้างสรรค์เพื่อสดุดีสายสัมพันธ์ที่ลองจินส์มีต่อโลกแห่งการบิน และเป็นการเชิดชูนักบุกเบิกทางอากาศในอดีต ดีไซน์แฝงกลิ่นอายนาฬิกาโครโนกราฟสไตล์ 1930s แต่ปรับโฉมใหม่ด้วยการใช้ตัวเรือนไทเทเนียมและหน้าปัดสีน้ำเงิน และที่ขาดไม่ได้คือ หน้าปัดวงทดเวลา 30 นาทีขนาดโอเวอร์ไซส์ ที่เป็นธรรมเนียมการผลิตนาฬิกาสำหรับนักบินสมชื่อรุ่น BigEye
เพื่อเป็นการรักษาจิตวิญญาณของนาฬิกาสำหรับนักบินไว้ให้มากที่สุด จึงออกแบบให้ตัวเรือนมีขนาดใหญ่ 41 มม. เข็มนาฬิกาพ่นทรายสีดำ และเลขอารบิกเคลือบสาร SuperLuminova® เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านค่าเวลา กระจกหน้าปัดทำจากแซฟไฟร์คริสตัลทรงกล่องพร้อมเคลือบสารกันแสงสะท้อนหลายชั้นทั้งด้านในและด้านนอก ฝากหลังตัวเรือนแบบขันเกลียว และสลักสัญลักษณ์รูปเครื่องบิน มาพร้อมสายรัดข้อมือสีน้ำตาลธรรมชาติในสไตล์วินเทจ ทั้งยังทำงานด้วยกลไกโครโนกราฟ L688 ที่มีซิลิคอน บาลานซ์ สปริงเพื่อการันตีความแม่นยำ และเพิ่มคุณสมบัติในการต้านสนามแม่เหล็ก รวมถึงมาพร้อมการรับประกันการใช้งานนาน 5 ปี
Longines Silver Arrow
ย้อนกลับไปในทศวรรษที่ 1950s รถแข่งและเครื่องบิน supersonic กำลังได้รับความนิยมถึงขีดสุด และในปีค.ศ. 1956 นาฬิกา “Silver Arrow” ถูกผลิตโดยโรงงานผลิตนาฬิกาของลองจินส์ และเปิดตัวสู่สาธารณชนครั้งแรก โดย Silver Arrow ได้รับสัญลักษณ์รูปเครื่องบิน supersonic กำลังบินผ่านดวงดาว ซึ่งธรรมเนียมการผลิตนาฬิกาในยุคนั้นจำเป็นต้องมีสัญลักษณ์กำกับ ด้วยการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างโลกกีฬาแข่งรถและโลกการบิน ทำให้ลองจินส์ก้าวมาเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นของทั้งสองวงการ
ในปี 2021 ลองจินส์ ได้ชุบชีวิตนาฬิกา Silver Arrow โดยยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมของนาฬิกาจากยุค 1950s ทั้งตัวเรือนสตีล 38.50 มม. ดีไซน์มินิมัลเรียบหรู หนังปัดสีเงินโอปอล์ ตกแต่งอินเด็กซ์ลายเส้นเสมือนเวอร์ชั่นดั้งเดิม เข็มนาฬิกาทรงดาบกว้างปลายแหลมเคลือบสาร Super-LumiNova® ฝาหลังตัวเรือนแบบ screw-down สลักสัญลักษณ์ Silver Arrow มาพร้อมสายรัดข้อมือหนังสีน้ำตาลแมตต์ที่มีผิวสัมผัสอ่อนนุ่ม แต่ถึงกระนั้น ก็ได้มีการผนวกเทคโนโลยีการผลิตนาฬิกาสมัยใหม่เข้าไปได้อย่างแนบเนียน นั่นคือกลไกไขลานอัตโนมัติ L888.5 ที่มีซิลิคอน บาลานซ์ สปริง เพื่อการันตีความแม่นยำระดับสูงและประสิทธิภาพในการป้องกันสนามแม่เหล็ก ทั้งยังรับประกันการใช้งานนานถึง 5 ปี
Longines Legend Diver Watch
ลองจินส์มีโปรเจ็กต์ “Immersion in Heritage” หรือก็คือการนำเอาผลงานในอดีตกลับมารังสรค์ใหม่ หนึ่งในนั้นก็คือ The Longines Legend Diver Watch ซึ่งเปิดตัวในปีค.ศ. 2007 สืบทอดความผูกพันที่ลองจินส์มีต่อกีฬาดำน้ำ นับตั้งแต่การพัฒนาตัวเรือนกันน้ำในปี 1937 จนนำไปสู่การสร้างสรรค์นาฬิกาดำน้ำเรือนแรกของแบรนด์ในปี 1958
หน้าปัดสีน้ำเงินและสีน้ำตาล คือเฉดสีล่าสุดของ The Longines Legend Diver Watch ผลงานใหม่นี้ยังคงรักษาจิตวิญญาณดั้งเดิมของการออกแบบเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม แต่ก็ได้ผสานความเชี่ยวชาญในการผลิตนาฬิกาของแบรนด์ได้อย่างแยบยล ทั้งกระจกแซฟไฟร์คริสตัลทรงกล่อง มาร์คเกอร์ตกแต่งสี่เหลี่ยมสะท้อนแสง และเลขอารบิก เสริมด้วยเครื่องหมายสามเหลี่ยมเคลือบสาร Super-LumiNova® เพื่อเพิ่มการมองเห็นได้ชัดเจนเมื่ออยู่ใต้ท้องทะเล เม็ดมะยมแบบ screw-in สองตำแหน่ง รวมถึงฝาหลังตัวเรือนแบบขันเกลียวตลอดจนคุณสมบัติการกันน้ำระดับ 300 เมตร ทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติที่มาพร้อมซิลิคอน บาลานซ์ สปริง พร้อมรับประกันถึง 5 ปีเต็ม มาพร้อมสายรัดข้อมือหนังสีน้ำเงินและสีน้ำตาลเพื่อให้เข้ากับหน้าปัด
La Grande Classique de Longines
คอลเลกชั่น La Grande Classique de Longines เปิดตัวครั้งแรกในปี 1992 เป็นผลงานที่โดนใจคนที่ชอบนาฬิกาเดรสวอทช์ด้วยตัวเรือนกลมบางเฉียบ มาพร้อมโครงสร้างพิเศษของตัวเรือน โดยฝาหลังทำหน้าที่เป็นข้อต่อกับสายรัดข้อมือ ซึ่งเทคนิคนี้เป็นการพัฒนาขึ้นโดยลองจินส์และยังได้รับการจดสิทธิบัตรอีกด้วย
La Grande Classique de Longines มีให้เลือกหลากหลายเวอร์ชั่น ทั้งขนาดตัวเรือน (24, 29, 33, 36, 37 และ 38 มม.) วัสดุที่ผลิตตัวเรือน (สตีล, ตัวเรือนสตีลประดับเพชร หรือตัวเรือนสตีลตกแต่งพีวีดีสีเยลโลว์โกลด์หรือสีพิงค์โกลด์) และหน้าปัด (สีขาวมุกมาเธอร์ออฟเพิร์ล, สีดำ, สีน้ำเงิน, สีน้ำตาล, สีเงิน และสีทอง ทั้งแบบเวอร์ชั่นซันเรย์, เคลือบแลคเกอร์ หรือแฟลงเก้ ตกแต่งด้วยตัวเลขโรมัน, เพชร, อินเด็กซ์สี)
สำหรับในปี 2021 นี้ ลองจินส์ยังได้รังสรรค์สายรัดข้อมือหนังสีขาว, สีดำ และสีน้ำเงินเป็นตัวเลือกให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
Longines DolceVita
ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยม เส้นสายเรขาคณิตของนาฬิกา DolceVita ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 1997 แฝงกลิ่นอานของสไตล์อาร์ตเดโคในยุค 1920s ผสมผสานแรงบันดาลใจจากการใช้ชีวิตหอมหวานแบบชาวอิตาเลียน หรือที่เรียกว่า “Dolce Vita”
ในปี 2021 ลองจินส์ได้นำเสนอโมเดลใหม่ที่มีหน้าปัดแบบ Sector Dial ในสไตล์ศิลปะอาร์ตเดโค และเพิ่มความสมดุลด้วยโทนสีเงิน กรอบสี่เหลี่ยมรอบนอกตกแต่งด้วยตัวเลขอารบิกและอินเด็กซ์ขนาดยาวรวมถึงเครื่องหมายกางเขนกลางหน้าปัด มีดีไซน์ที่เรียบหรูเหมาะกับข้อมือของสุภาพบุรุษ นอกจากนี้ ยังเพิ่มโมเดลที่มาพร้อมสายหนังที่สามารถเปลี่ยนได้ในตัว โดยมีสายรัดข้อมือหนังให้เลือกในสีขาว, สีน้ำเงิน และสีน้ำตาลทอง โดยอุปกรณ์การเปลี่ยนสายนี้จะช่วยให้ลูกค้าได้เลือกสรรความชอบตามใจปรารถนา ซึ่งมีให้เลือก 2 ขนาดคือ S และ M
สามารถเป็นเจ้าของนาฬิกาลองจินส์ได้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป หรือทางออนไลน์ที่ Longines Official Store @Lazada และ @Shopee สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.longines.co.th และ http://www.facebook.com/LonginesTH และ Line official : @Longines_th