นอกจากศิลปะแห่งการเดินทางอันเห็นหัวใจของแบรนด์ หลุยส์ วิตตองยังเลือกเดินทางผ่านกาลเวลาด้วยการสร้างสรรค์เรือนเวลาอันโดดเด่น ในยามที่สนามการผลิตนาฬิกาไม่ได้จำกัดให้แบรนด์เก่าแก่ของสวิสเท่านั้น แบรนด์จากปารีสซึ่งคร่ำหวอดในวงการแฟชั่นมายาวนานถึง 150 ปี ได้เริ่มต้นมหากาพย์การผจญภัยของตนเมื่อปี 2002 ด้วยการนำเสนอคอลเลกชั่นแรกที่เปิดตัวในชื่อว่า ตองบูร์ (Tambour) ซึ่งดีไซน์ตัวเรือนชวนให้นึกถึงกลอง แล้วต่อมาได้พัฒนารุ่นต่างๆ เพิ่มขึ้นเพื่อความหลากหลาย โดยยังคงรักษาดีเอ็นเอของแบรนด์ไว้
การสร้างสรรค์นาฬิกาของหลุยส์ วิตตองเป็นภารกิจที่จริงจัง เมื่อปี 2011 ทางแบรนด์ได้เข้าซื้อกิจการของหลุยส์ วิตตอง ลา ฟาบริก ดู ตองป์ ( Louis Vuitton La Fabrique du Temps) โรงงานที่มีชื่อเสียงของสวิส ซึ่งเชี่ยวชาญในคอนเซ็ปต์และผลิตกลไกซับซ้อน ปัจจุบันนี้โรงงานซึ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ในเขตเมย์แร็ง เจนีวา ในปี 2014 เป็นต้นกำเนิดของผลงานอันน่าทึ่งมากมาย โดยมีมิเชล นาวาส์ (Michel Navas) มาสเตอร์วอทช์เมกเกอร์ผู้คร่ำหวอดในโลกนาฬิกามาหลายทศวรรษเป็นผู้ดูแล ดังเช่นนาฬิกาสำหรับนักเดินทางอย่าง Escale ซึ่งออกมาเมื่อหลายปีก่อน หรือผลงานไฮไลต์ของปีนี้อย่าง Tambour Curve Flying Tourbillon โดดเด่นด้วยกลไกทูร์บิญงและใช้วัสดุใหม่อย่าง Carbostratum มีน้ำหนักเบา เท็กซ์เจอร์สวยงาม และท้าทายในการผลิต เช่นเดียวกับผลงานล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว Tambour Damier Graphite Race ซึ่งเป็นนาฬิกาสปอร์ต ผสานสไตล์และลวดลายเอกลักษณ์อย่างลายตารางดามิเยร์ และสีเขียวนีออนสุดสปอร์ต เข้ากับกลไกอัตโนมัติและกลไกโครโนกราฟ
ในเวลาเพียงไม่นาน หลุยส์ วิตตองสามารถสร้างสรรค์นาฬิกาชั้นสูงที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ ประสิทธิภาพ และสไตล์ได้อย่างไร มิเชล นาวาส์จะมาเล่าให้เราฟังด้วยตัวเขาเอง
คุณเรียนการสร้างสรรค์นาฬิกามาจากเมืองเบอซองซง เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมคะว่าเรียนรู้อะไรจากที่นั่น
“เบอซองซงเป็นเมืองหลวงของการผลิตนาฬิกาของฝรั่งเศส และเป็นเมืองที่ผมมีโอกาสได้เข้าเรียนในโรงเรียนสอนผลิตนาฬิกา ตอนนั้นผมก็คิดทำนาฬิกาจักรกลทูร์บิญงกับสเกเลตันได้แล้ว”
คุณสนใจศาสตร์การผลิตนาฬิกาได้อย่างไร
“ผมเป็นคนสนใจใคร่รู้ อยากรู้ว่าสิ่งๆ ต่างทำขึ้นมาอย่างไร และใช้ทำอะไร เพราะอย่างนี้ผมก็เลยชอบการสร้างสรรค์นาฬิกา แต่บ่อยครั้งที่ในโลกนาฬิกาซึ่งดูจะเชื่อมโยงกับการคำนวณเสียมากกว่ามักขาดเรื่องความงามหรือความกล้า ผมเลยเลือกที่จะเติมสองสิ่งนี้ลงไปในงานของผม”
เวลาที่เริ่มออกแบบนาฬิกามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง แล้วคุณได้แรงบันดาลใจมาจากไหน เริ่มจากดีไซน์หรือกลไกก่อนกัน
“ถ้าตรงไหนมีไอเดีย ผมจะพุ่งไปอย่างรวดเร็ว ไอเดียมาจากใครก็ได้ในทีมของเรา แรกๆ มันอาจฟังดูบ้าคลั่งนะ แต่หลังจากได้ถกกันมันก็กลายเป็นไอเดียอัจฉริยะได้ นาฬิกาที่ออริจินัลและยูนีคของหลุยส์ วิตตองกำเนิดขึ้นแบบนี้แหละครับ จากนั้นวิศวกร วอทช์เมกเกอร์และดีไซเนอร์ก็จะลงมือทำงาน มันเป็นการทำงานกันเป็นทีม”
ในความคิดของคุณ นาฬิกาคอมพลิเคชั่นที่ดีต้องเป็นอย่างไร
“นาฬิกาคอมพลิเคชั่นหรือจักรกลซับซ้อนนั้นจะสวยงามได้ก็ด้วยความออริจินัล ความกล้า และรูปแบบการแสดงเวลา มันไม่ต้องซับซ้อนมากมายเสมอไป แต่ต้องยูนีคและชวนให้ตื่นตะลึง และสำหรับผม มันไม่มีคอมพลิเคชั่นที่ง่ายครับ อาจจะดูง่ายสำหรับลูกค้าแต่มันท้าทายและซับซ้อนมากสำหรับวอทช์เมกเกอร์”
พูดถึงคอลเลกชั่นไอคอนิกอย่าง Tambour คุณคิดว่าอะไรทำให้นาฬิกานี้แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ
“ตัวเรือน Tambour เป็นตัวเรือนไอคอนิกของนาฬิกาหลุยส์ วิตตอง มันเป็นที่จดจำจากรูปทรง อัตลักษณ์และความงาม มันกำเนิดขึ้นในปี 2002 และได้รับการพัฒนาออกไปหลายรูปแบบ แต่ก็ยังเคารพดีเอ็นเอดั้งเดิมครับ”
Tambour Curve Tourbillon Volant
นาฬิกา Tambour Curve Tourbillon Volant ซึ่งนำเสนอในปีนี้และดูฟิวเจอริสติกมากนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรคะ
“เรียกได้ว่าเป็นหมุดหมายใหม่สำหรับหลุยส์ วิตตองเลยครับ เพราะทุกอย่างใหม่มากในการพัฒนาครั้งนี้ ทั้งรูปทรง กลไก และวัสดุ เราคิดอยู่ประมาณสองปี นาฬิกา Tambour Curve ต้องใช้หัตถศิลป์และองค์ความรู้มากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นงานที่ทำร่วมกันระหว่างวอทช์เมกเกอร์ วิศวกร ดีไซเนอร์ และอื่นๆ แม้แต่หน่วยงาน Geneva Seal Office ก็เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่มีอะไรขาดหายไปเลยในการผลิตครั้งนี้”
Tambour Curve มีแรงบันดาลใจอะไร แล้วมีนวัตกรรมอย่างไร
“ด้วยความเคารพต่อดีเอ็นเอของตัวเรือน Tambour เสมอ เราได้เพิ่มเส้นโค้งลงไปซึ่งทำให้นึกถึงโครงสร้างแบบแถบเมอบิอุส (Moebius Belt) และทำให้รูปตัวเรือนดูนุ่มนวลขึ้นเมื่ออยู่บนข้อมือ นอกจากนี้วัสดุไฮเทคที่นำมาใช้ก็มีน้ำหนักเบา และยังได้รับตรา Geneva Seal ซึ่งรับรองเทคนิคหัตถศิลป์ชั้นสูงที่ดีที่สุดในโลกด้วย”
Tambour Spin Time Air Opale Tambour Spin Time Air
ถ้าไม่มีข้อจำกัดใดๆ คุณอยากนำเสนออะไรในผลงานสร้างสรรค์ของคุณ
“ความเป็นไปได้ในการหยุดเวลาเมื่อเราต้องการ ในบริษัทนี้เราผลิตเวลา (เหมือนชื่อ La Fabrique du Temps) แต่เรายังหยุดเวลาไม่ได้ครับ”
คุณคิดว่าอนาคตของการผลิตนาฬิกาจะเป็นอย่างไร คนหนุ่มสาวเรียนเป็นวอทช์เมกเกอร์กันไหม แล้วมีความท้าทายในการผลิตนาฬิกาชั้นสูงอะไรรออยู่
“โรงเรียนสอนผลิตนาฬิกาเต็มไปด้วยคนหนุ่มสาวที่สนใจในวิชาชีพนี้ครับ ไม่มีข้อจำกัดในการประดิษฐ์นาฬิกาใหม่ๆ อยู่แล้ว แล้วผมก็คิดว่าการสร้างสรรค์นาฬิกาจะยังคงอยู่แม้ว่าเทคโนโลยีดิจิตัลจะมีอิทธิพลในสังคมอย่างมากก็ตาม นาฬิกาจักรกลจะยังคงเป็นจิวเวลรี่ที่งดงามเมื่ออยู่บนข้อมือของเราเสมอ แล้วเราก็มีสองมือด้วย…”
Tambour Moon Dual Time