กล่าวได้ว่านิทรรศการ Culture and Arts Inspiration Creative Project ของแกลเลอรี่ S23 ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตรได้นำพาเรามาพบกับผลงานล่าสุดของจิตต์สิงห์ สมบุญ ที่ปรึกษาอิสระ นักออกแบบและศิลปิน แม้ผลงานล่าสุดนี้จะเรียกว่าได้ว่าเป็น ‘งานผ้า’ แต่ผลที่ออกมากลับไม่ใช่ชุดแฟชั่นแบบที่หลายคนจินตนาการไว้ ในทางตรงกันข้าม เขาเลือกเปลี่ยน ‘ผ้าไหม’ ซึ่งเป็นโจทย์ของนิทรรศการ
ครั้งนี้ให้กลายเป็นผลงานศิลปะอันทรงคุณค่า นั่นก็คือพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ในแบบของเขา
“จริงๆงานชุดนี้เริ่มจากโครงการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯเขาให้ผ้าไหมมาทำงาน ผมก็เลยทำคอนเซ็ปต์ ‘แม่’ โดยเป็นรูปแม่ของผมเอง จากนั้นค่อยต่อยอดมาเป็นผลงานชุดนี้ ที่เลือกผ้าไหมทอยกเพราะผ้าชนิดนี้มีความรู้สึกของดิ้นทอง มีความสูงค่าและสูงส่งแบบกษัตริย์ ซึ่งผมก็คิดว่าน่าจะเหมาะกับงานเกี่ยวกับราชวงศ์ นอกจากนี้ตัวผ้าก็พยายามเลือกให้ดูไทยและดั้งเดิมที่สุด ทั้งๆที่จริงๆแล้วผ้าไหมไทยในยุคนี้พัฒนาไปไกลมาก แต่เพราะสไตล์การวาดของผมจะเป็นแนวร่วมสมัย ก็เลยอยากให้มีความคอนทราสต์กัน ไอเดียคือจริงๆแล้ว สิ่งที่ดั้งเดิมกับสิ่งที่ดูโมเดิร์นก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ และวิธีนี้ก็จะทำให้งานดูร่วมสมัยและเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากยิ่งขึ้นด้วยครับ”
ในส่วนของเรื่องเทคนิคนั้น เรายังคงใช้เทคนิคการสร้างภาพแนวกราฟิกสไตล์บล็อก กราฟฟิตี้ที่กลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเขาไปแล้ว “คงเป็นเพราะเราอยากมีพระบรมสาทิสลักษณ์ที่แตกต่าง ผมอาจเป็นคนแรกๆ ที่เริ่มทำเป็นภาพกราฟิก แต่หลังๆคนก็กล้าทำมากยิ่งขึ้น บางคนอาจมองว่าเทคนิคกราฟฟิตี้ดูไม่คู่ควร แต่สำหรับผมก็เป็นเทคนิคที่สื่อออกมาได้ดีที่สุด สมัยนี้บางคนเขียนรูปท่านด้วยถ่าน หรือทำงานเป็นรูปพระองค์ท่านจากถุงกระดาษยังมีเลย เพราะฉะนั้นเทคนิคอาจไม่ใช่ประเด็น แต่อยู่ที่จุดประสงค์มากกว่า” จิตต์สิงห์กล่าว
“แต่ก็เข้ากับงานผมพอดีเลยนะ สำหรับผมแล้ว พระองค์ท่านเป็นทุกสิ่ง เป็นอัครศิลปิน ทรงมีความสามารถมาก งานของผมเป็นบล็อกใช่ไหม พระองค์ก็เป็นเหมือนต้นแบบของคนไทย ถ้าต้นแบบดี เราก็ดีไปด้วย”