Friday, December 6, 2024

เป้าหมายที่เดิมพันด้วยชีวิตของสองนักมวยมืออาชีพ ‘ขุนศึกเล็ก บูมเด็กเซียน’ และ ‘มารี เดส์ ลีส ไฮนซ์’

Marie: เสื้อฮู้ดดี้ผ้าคอตตอนพิมพ์ลายบาโร้ก VERSACE JEANS COUTURE จาก THE COLLECTIVE บอดี้สูทผ้าคอตตอนสีดำ STYLIST’S OWN รองเท้าสไตล์นักมวยจาก DAW STUDIO รองเท้าส้นสูงจาก BALENCIAGA
Khunsueklek: กางเกงชั้นในพิมพ์ลายบาโร้กจาก VERSACE กางเกงขายาว DRÔLE DE MONSIEUR จาก THE COLLECTIVE รองเท้าสไตล์นักมวยจาก DAW STUDIO
พัฟเฟอร์แจ๊กเก็ตบุนวมตกแต่งโลโก้ ADER ERROR @HIS LAB จาก SIAM DISCOVERY กางเกงลองจอห์นผ้าคอตตอนสีขาวจาก JOHN GALLIANO รองเท้าสไตล์นักมวยจาก DAW STUDIO

Khunsueklek

หัวใจที่กล้า ร่างกายที่แกร่ง

Writer: Angkana Wongwisetpaiboon

“ต้องอดทนมากๆ วินัยต้องสูงมากครับ ไม่งั้นก็อยู่ไม่ได้ เพราะซ้อมมวยเหนื่อยมากๆ ครับ” นักมวยหนุ่มที่มีชื่อในวงการว่า ขุนศึกเล็ก บูมเด็กเซียน บอกให้เราฟัง บนสังเวียน…เขาคือหนึ่งในยอดฝีมือ เจ้าของสถิติไร้พ่าย 41 ไฟต์ติดต่อกัน (ก่อนพ่ายน็อกให้กับผู้ท้าชิง ริวกิ มาซึดะ นักชกชาวญี่ปุ่น เมื่อเดือนกรกฎาคม อีกสองเดือนต่อมาเขาก็ทวงชัยชนะกลับคืนมาได้อย่างสวยงาม) ในวงการหมัดมวยไม่มีใครไม่รู้จักแชมป์แบนตัมเวท (Bantamweight) คนนี้ แต่สำหรับเรา นี่คือครั้งแรกที่มีโอกาสได้พูดคุยกับนักมวยอาชีพในสนามมวยราชดำเนิน สถานที่ที่การแพ้ชนะอาจดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่กว่าที่ใครสักคนจะได้ขึ้นชกบนสังเวียนนี้และก้าวสู่ตำแหน่งแชมเปี้ยน นอกจากจะถึงพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว ยังต้องเปี่ยมไปด้วยวินัยขั้นสูงและทุ่มเทฝึกซ้อมด้วยความรับผิดชอบอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

สมญานาม ‘ขุนศึกเล็ก’ เป็นชื่อเรียกในวงการ แต่ครอบครัวตั้งชื่อให้เขาว่า ‘เฟิร์ส’ เพราะเป็นพี่คนโตของน้องชายฝาแฝด (ขุนศึกน้อย หรือเฟรม น้องชายที่เป็นนักมวยอาชีพเช่นกัน) “ตอนผมอายุห้าขวบมีคนมาจัดมวยแถวบ้าน ตาเลยพาผมไปดู พอกลับจากดูมวยครั้งนั้นก็ชอบเลยครับ แต่ไม่ได้คิดจะต่อยจริงจัง แค่ชกเล่นสนุกๆ กับน้อง ตากลัวผมกับน้องเจ็บก็เลยไปซื้ออุปกรณ์ในจังหวัดขอนแก่นมาให้ พอมาวันหนึ่งก็มีงานเปรียบมวยแถวบ้าน ผมก็ไปลองเปรียบดู เลยได้ต่อยตั้งแต่ตอนนั้น แล้วก็หัดมาเรื่อยๆ แต่เริ่มจริงจังตอนอายุเก้าขวบ”

แจ๊กเก็ตสูทและกางเกงขายาวสีดำ รองเท้าบู๊ตหนังสีดำ ทั้งหมดจาก SAINT LAURENT BY ANTHONY VACCARELLO

“ช่วงแรกๆ ลำบากครับ ต้องตระเวนเดินสายต่อยทั่วภาคอีสาน เขาจัดที่ไหนก็ต้องไปที่นั่น ทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บ ลำบากครับกว่าจะได้เข้ากรุงเทพฯ ไม่ได้ตังค์เยอะเหมือนทุกวันนี้ ต้องอดทน กว่าจะสบายก็นานครับ เพิ่งจะเริ่มสบายช่วงนี้” หนุ่มแกร่งวัย 19 ผู้คว้าแชมป์แบนตัมเวทกลับคืนมาได้สดๆ ร้อนๆ และเพิ่งบินกลับมาจากการไปเยี่ยมบ้านที่อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น ย้อนเล่าชีวิตตัวเองเมื่อสิบปีที่แล้ว ก่อนจะได้เป็นนักมวยในสังกัดค่ายบูมเด็กเซียน “ตอนเด็กๆ ผมแพ้มาหลายไฟต์ แต่ตั้งแต่ม.1 เรื่อยมาก็ไม่เคยแพ้ใคร มันกดดันเหมือนกันครับ ยิ่งไม่แพ้นานๆ เราก็กลัวแพ้ครับ ไฟล์นั้นผมไปต่อยที่ญี่ปุ่น แล้วก็แพ้ แต่สุดท้ายแก้มือได้ในแมตช์ล่าสุดครับ”

กว่าสิบปีบนเส้นทางอาชีพ ขุนศึกเล็กถือเป็นนักมวยฝีมือ เขามีไหวพริบ และใช้สมองก่อนปล่อยหมัดเสมอ ฟันศอกกับฟาดแข้งคืออาวุธเด็ดประจำตัว ทุกครั้งที่มีรายการชก เขาจะเข้มงวดกับการฝึกซ้อมโดยไม่จำเป็นต้องมีใครมาย้ำเตือน “ตื่นเช้ามาตีห้าครึ่งก็ไปวิ่งครับ ระยะทางประมาณ 10 กม. ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงนิดๆ ความเร็วปานกลาง ไม่ได้ช้ามากหรือเร็วมาก ค่ายที่ผมซ้อมอยู่แถวนนทบุรี อากาศดี มีทุ่งนาเหมือนบ้านนอกเลยครับ วิ่งเสร็จก็มาฝึกเตะกระสอบ เตะเป้า แปดโมงกว่าๆ ก็พักผ่อน ส่วนมากผมจะกินอาหารเช้ากับเที่ยงรวบกันทีเดียวเลย และซ้อมอีกทีตอนสี่โมงเย็น แต่จะวิ่งแค่ 6 กม. แต่จะเตะเป้าหนักกว่าตอนเช้า ฝึกเสร็จประมาณหนึ่งทุ่ม แล้วก็อาบน้ำ กินข้าว เข้านอนสี่ทุ่ม เป็นแบบนี้ทุกวัน”

เสื้อฮู้ดดี้และกางเกงขาสั้นผ้าคอตตอนพิมพ์ลายบาโร้ก VERSACE JEANS COUTURE จาก THE COLLECTIVE รองเท้าสไตล์นักมวยจาก DAW STUDIO

ส่วนเรื่องอาหารและโภชนาการสำหรับนักมวยรุ่นแบนตัมเวท ซึ่งต้องควบคุมให้น้ำหนักอยู่ที่ 115-118 ปอนด์ “ผมกินอาหารได้ทุกอย่างครับ น้ำหนักตัวประมาณ 58 กก. แต่เวลาชกต้องชั่งได้ 53 ½ กก. นักมวยต้องลดทุกคนครับ ใช้วิธีใส่เสื้อลดน้ำหนักแล้วก็วิ่ง มันจะเรียกเหงื่อ เหมือนรีดน้ำออกครับ มันทรมานช่วงลดน้ำหนักนี่แหละ ต้องกินน้อยลง หิวมากครับ แต่ต้องอดทน ผมใช้เวลาประมาณสามวันน้ำหนักก็ลง พอวันต่อยมาชั่งอีกที ชั่งเสร็จปุ๊บก็กินได้เลย”

ว่ากันว่านักมวยเก่งๆ มักจะพูดน้อยและเอาจริงเอาจัง อันนี้ขอยืนยัน เราแกล้งถามหยอกๆ ว่ามีคาถาก่อนชกหรือเปล่า เจ้าตัวตอบอย่างขึงขังกลับมา “ผมจะบอกตัวเองว่า ‘ทำทุกไฟต์ให้ดีที่สุด’ แค่นั้นครับ เราต้องเตรียมตัวให้ดี ซ้อมให้ดี ทำให้ดีที่สุดเวลาซ้อม แล้วมันจะออกมาดีเอง ก่อนต่อยอาจกังวลนิดหน่อยว่า เอ๊ะ! คนนี้เก่ง เราจะสู้ได้ไหม แต่เวลาขึ้นเวทีเราต้องสู้อย่างเดียว ไม่กลัวครับ สำหรับเสียงเชียร์รอบๆ มีผลกับผมมาก ทำให้เรามีแรงจะสู้ในยกต่อๆ ไป”

บาดแผลทางกายกับนักมวยเป็นของคู่กัน แม้จะคุ้นกับความบอบช้ำ เลือดตกยางออก หรือเจ็บหนักอย่างโหนกแก้มปูด จมูกเบี้ยวนิดหน่อย หรืออาจจะท้อใจบ้างเป็นบางครั้ง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ได้ลิ้มรสชาติชีวิตช่วงวัยรุ่นอย่างเฟิร์ส “ตอนชกมาเรื่อยๆ ก็รู้สึกเหนื่อยครับ เริ่มคิดกับตัวเองว่าเราอายุเท่านี้ ทำไมต้องมาทำแบบนี้ด้วย เราเห็นคนอื่นๆ พอเลิกเรียน เขาก็ไปเล่น แต่เราต้องไปซ้อมมวย ตอนแรกก็อยากเป็นเหมือนเขา แต่พอคิดว่าเราเลือกแล้ว เป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ เราต้องไปให้สุดครับ ผมอาจจะไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นเท่าไร แต่แลกกับความสำเร็จก็ไม่เสียดายครับ”

ถ้ามีช่วงพักเขาจะเดินทางกลับจังหวัดขอนแก่นเพื่อเยี่ยมครอบครัวและรีชาร์จพลังไปในตัว “ช่วงไหนที่ได้กลับบ้านก็จะใช้ชีวิตปกติครับ นอนตื่นสายได้ ทุกวันตอนเย็นผมชอบไปเตะบอล ยังต้องออกกำลังกายเรื่อยๆ ครับ ไม่ได้ปล่อยตัว การเป็นนักมวยช่วยให้เราได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เล่นกีฬาอะไรก็ได้ มันจะดีหมดครับ ผมเลือกมวยเพราะเลี้ยงครอบครัวได้” ประโยคหลังเขาเอ่ยขึ้นมาโดยที่เรายังไม่ทันได้ถาม “ตอนนี้ผมเป็นเสาหลักของบ้านครับ พ่อกับแม่ไม่ได้ทำงานแล้ว ผมให้กลับมาอยู่บ้านตั้งแต่ผมเรียนม.5 ครับ เพราะตอนนั้นเริ่มดูแลท่านได้แล้ว ตอนนี้มีผมกับน้องช่วยกันสองคนครับ พ่อแม่ภูมิใจครับ ผมก็ดีใจ”

Marie: บอดี้สูทผ้าคอตตอนสีขาวปักลายโลโก้ GCDS กางเกงบ็อกเซอร์สีดำ COPERNI ทั้งหมดจาก THE COLLECTIVE เสื้อคลุมยาวผ้าซิลค์วินเทจ STYLIST’S OWN รองเท้าสไตล์นักมวยจาก DAW STUDIO 
Khunsueklek: พัฟเฟอร์แจ๊กเก็ตบุนวมตกแต่งโลโก้ ADER ERROR @HIS LAB จาก SIAM DISCOVERY กางเกงลองจอห์นผ้าคอตตอนสีขาวจาก JOHN GALLIANO รองเท้าสไตล์นักมวยจาก DAW STUDIO

เราสัมผัสได้ถึงความรับผิดชอบที่โอบรับอย่างเต็มใจของนักมวยอนาคตไกลคนนี้ เฟิร์สตั้งเป้าหมายในอาชีพไว้อย่างถ่อมตนว่า “ผมไม่ได้คิดว่าจะชนะกี่ไฟต์ครับ ผมคิดแบบชนะไปทีละไฟต์มากกว่า ผมดีใจเวลาชนะ และภูมิใจมากๆ แต่เวลาแพ้ปุ๊บความรู้สึกต่างกันเลย มันผิดหวังและเสียใจอยู่แล้วครับ ร้องไห้ก็มีบ้าง แอบร้องคนเดียว หรือร้องที่เวทีก็มี แต่ความเสียใจอยู่กับผมไม่นาน แค่สี่หรือห้าวัน แล้วผมก็คิดใหม่ว่า มันคืออดีต เราทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะว่ากีฬาย่อมมีแพ้มีชนะครับ”

เสื้อทีเชิ้ตตกแต่งคริสตัลลายโลโก้จาก GCDS กระเป๋าหนังทรงกระสอบทรายจาก DAW STUDIO

Marie-des-Lys Heinz

‘สาวน้อยมหัศจรรย์’ นักมวยต่างชาติขวัญใจคนไทย กับความฝันที่อยากเป็นอันดับ 1 บนเวทีราชดำเนิน

Writer: Neeraj Kim

มารี เดส์ ลีส ไฮนซ์ (Marie-des-Lys Heinz) นักมวย ‘ฝรั่ง’ จากประเทศลักเซมเบิร์กที่สามารถครองใจแฟนคลับชาวไทยได้จำนวนมาก ไม่ใช่แค่เพียงความน่ารักและมีเสน่ห์ของเธอ แต่มารีเป็น ‘สาวน้อยมหัศจรรย์’ แห่งวงการมวยไทยในบ้านเราอย่างแท้จริง ด้วยวัยเพียง 24 ปี เธอพูดได้ทั้งหมด 6 ภาษา (ไม่นับว่าออกสำเนียงอีสานได้อย่างแม่นยำ!) และกำลังเรียนคณะบริหารธุรกิจ วิทยาลัยนานาชาติ ไปพร้อมกับการชกมวยแบบมืออาชีพ จากการสร้างกระดูกประสบการณ์มานานกว่า 7 ปี มารีได้ชื่อว่าเป็นนักมวยที่เตะหนัก เป็นมวยชิงจังหวะ และออกอาวุธได้สวยเป็นธรรมชาติ ถูกใจคนดูในทุกไฟต์ที่ขึ้นชก เรามีโอกาสได้พูดคุยกับเธอแบบตัวต่อตัว สิ่งที่อยากรู้ไม่ใช่แค่เรื่องการเตะต่อยบนสังเวียน แต่นึกสงสัยอยู่ตลอดว่ามวยไทยกับความเป็นผู้หญิง เข้ากันได้จริงหรือ

แจ๊กเก็ตยีนส์ผ้าเดนิมสีดำและสีบลูเดนิม ADSB ANDERSSON BELL @HER LAB จาก SIAM DISCOVERY สร้อยคอโลหะสีทองประดับคริสตัลจาก SWAROVSKI บอดี้สูทผ้าคอตตอนสีดำและรองเท้าบู๊ตผ้าตาข่ายตกแต่งคริสตัล STYLIST’S OWN

“เรื่องมันออกจะเศร้าหน่อยนะ” มารีออกตัวก่อนที่เธอจะเริ่มเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นนักกีฬามวยไทย “พี่สาวของมารีเป็นเหมือนเพื่อนสนิทเลย ไปเรียนไปเล่นด้วยกัน แต่ในที่สุดเธอก็จากไป ตอนนั้นเหมือนทุกอย่างในชีวิตพังลงไปหมด ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี เลยคิดจะออกกำลังกาย เพราะเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก แค่ไม่มีประเภทไหนที่เราตั้งใจเล่นมันจริงๆ” ในความห่อเหี่ยวหัวใจช่วงวัยรุ่นกลับเป็นแรงผลักให้เธอได้เปิดประตูบานใหม่และพบกับอีกโลกที่ไม่เคยเจอมาก่อน เธอเล่าต่อว่าอยู่ดีๆ ก็นึกอยากต่อยมวยขึ้นมา จึงโทรไปถามที่ยิมและได้รับคำตอบว่าจะมี ‘คลาสมวยไทย’ ในเย็นวันนั้น แน่ล่ะว่ามารีไม่ลังเลที่จะไปเข้าคลาส และนั่นทำให้หัวใจของเธอกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง “เป็นประสบการณ์ครั้งแรกแล้วชอบมาก เลยไปซ้อมทุกวันตลอด 6 เดือน ตอนแรกแม่แอบเป็นห่วงเพราะกลัวเราจะเจ็บ แต่ก็อนุญาตเพราะเห็นเรามีความสุข ซึ่งจริงๆ มารีรู้สึกว่าร่างกายตัวเองสดชื่นขึ้นมาก พอปิดเทอมเลยชวนแม่ว่า ‘มาเมืองไทยกันไหม’ อยากเห็นของจริงสักครั้ง และนั่นเป็นครั้งแรกที่มารีได้มาประเทศไทย”

ด้วยเงื่อนไขจากแม่ที่ต้องเป็นเมืองติดทะเลเท่านั้น ประเทศไทยในความทรงจำแรกของสาวน้อยลักเซมเบิร์กจึงเป็นเกาะสมุย กับการเก็บตัวในค่ายมวยเพชรบัญชาตลอดสามอาทิตย์เต็ม “ตอนนั้นซ้อมมวยอย่างเดียว ไม่เห็นทะเลเลย ส่วนแม่ไปทะเลทุกวัน” เธอหัวเราะและยิ้มกว้างเมื่อพูดถึงช่วงเวลาในตอนนั้น “กิจวัตรประจำวันก็คือตื่นมาซ้อมตอนเช้า กลางวันพัก และตอนเย็นซ้อมอีกที มันยากนะแต่เราตั้งใจมาก ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ขึ้นชก เพราะหัวหน้าค่ายที่ลักเซมเบิร์กเขาเตือนมาว่าอย่าเพิ่งชกที่ไทยเพราะเราจะเจ็บตัว เรายังไม่มีประสบการณ์ พอครบสามอาทิตย์ก็ต้องกลับไปเรียน จนปิดเทอมอีกครั้งก็ขอแม่ว่าอยากมาซ้อมมวยที่เมืองไทยอีก แต่ครั้งนี้มารีได้ขึ้นชกจริงๆ ครั้งแรกแล้ว” แน่ล่ะว่าเธอคงตื่นเต้นกับการขึ้นชกครั้งแรกในชีวิต แต่เด็กสาวต่างชาติวัย 18 ก็ทำให้มวยบนเกาะสมุยคู่นี้ได้รับความสนใจจากคนท้องถิ่นไม่น้อย ใบอนุญาตสุดท้ายที่เธอต้องฝ่าฟันนมาให้ได้ก็คือแม่ของเธอเอง “น้าจุ่น คนที่ดูแลมารีในค่ายถามว่า ‘มารีอยากชกไหม’ เพราะสภาพร่างกายตอนนั้นพร้อมแล้ว เราก็อยากชกเพราะที่ลักเซมเบิร์กหาคู่ชกยากมาก คราวนี้แม่อนุญาตถึงแม้ว่าจะต้องชกแบบอาชีพ ไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน เพราะแม่เห็นว่ามวยไทยเป็นศิลปะที่สวยงาม ไม่ใช่ความรุนแรง เลยได้ขึ้นชกครั้งแรก” 

ไฟต์แรกในชีวิตของมารีต้องเจอคู่แข่งชาวไทยที่เคยขึ้นชกมาแล้วหลายครั้ง “ตื่นเต้นมาก!” เธอเน้นเสียง “ตอนเดินขึ้นไปบนเวที เห็นเลือดเต็มเลยเพราะคู่ก่อนเขาชกจนเลือดออก อยู่ดีๆ ก็เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ ถามตัวเองว่าทำอะไรอยู่นี่! แต่สุดท้ายก็ชนะคะแนน ดีใจมาก รู้สึกว่าเราทำได้ ส่วนแม่ก็ภูมิใจในตัวเรามาก ก่อนบินกลับมารีเลยขอแม่ว่าไม่กลับไปลักเซมเบิร์กด้วยได้ไหม เพราะเรามีความสุข แม่เลยหาโรงเรียนฝรั่งเศสบนเกาะสมุยให้เพราะไม่อยากให้หยุดเรียน” ใช่แล้ว ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากเธอคนเดียวแต่เป็นแรงสนับสนุนจากความรักที่รายล้อมรอบตัวเธอ คนเรารู้วันเกิดไม่รู้วันจากไป ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ การสร้างความสุขให้กับตัวเองเป็นตัวเลือกที่ดีเสมอ “ชีวิตมารีบนเกาะสมุยไม่ได้รู้สึกอยู่คนเดียวเลยนะเพราะหัวหน้าค่ายดูแลดีมากๆ รักเหมือนลูกเลย สิ่งที่ต้องทำทุกวันตอนนั้นคือซ้อมช่วงเช้า เสร็จแล้วไปเรียน สี่โมงครึ่งเลิกเรียนก็ต้องกลับมาซ้อมต่อ เป็นชีวิตที่เหนื่อยมาก แต่เป็นสิ่งที่เราต้องการ”

แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นและการเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนเข้ามาเจอของจริงที่เวทีราชดำเนิน สังเวียนระดับตำนานที่นักมวยไทยทุกคนใฝ่ฝันอยากมาเหยียบสักครั้ง และล่าสุดกับการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการจัดแข่งมวยหญิงที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบ 80 ปี “เคยมีไฟต์หนึ่งที่เราโดนศอกคู่ต่อสู้จนจมูกแตกตอนยก 2 แต่ก็กลับมาเอาชนะได้ ตอนนั้นน้าจุ่นบอกว่า ‘ถ้าเป็นผู้ชายจะส่งมาชกที่เวทีราชดำเนินแล้ว’ ได้ยินแค่นั้นก็ดีใจมาก ไม่นึกว่าวันหนึ่งจะได้ขึ้นเวทีที่นี่จริงๆ” เป็นอีกครั้งที่เธอต้องปรับตัวให้เขากับมวยเมืองหลวง ตั้งแต่การเจอคู่ชกที่เก่งกว่า การคุมน้ำหนัก หรือแม้กระทั่งคนดูจำนวนมหาศาลที่ตีตั๋วมาชมโดยคาดหวังความสนุกและความตื่นเต้น “กดดันมาก” มารีเล่าว่าไฟต์แรกของเธอไม่ประสบความสำเร็จดังหวัง แต่สิ่งที่ได้มาอย่างเหนือความคาดหมายถึงความนิยมจากคนดู “มีแต่คนมาคอมเมนต์ว่าฝรั่งคนนี้เป็นใคร แพ้แต่ดูสู้ได้ นั่นเป็นกำลังใจที่ดีมากๆ เลย พอมีโอกาสได้ชกบนเวทีราชดำเนินอีกครั้ง พ่อของมารีมาดูด้วย จากเมื่อก่อนที่เราเป็นผู้ชม ตอนนี้พ่อนั่งดูเราชกเอง ไฟต์นั้นชนะด้วย พ่อดีใจและภูมิใจเพราะไม่คิดว่าเราจะมาได้ถึงขนาดนี้”

เทรนช์โค้ตผ้าคอตตอนสีเบจจาก KARL LAGERFELD สร้อยคอโลหะสีทองประดับคริสตัลจาก SWAROVSKI รองเท้าบู๊ตผ้าตาข่ายตกแต่งคริสตัล STYLIST’S OWN

มวยไทยกับผู้หญิง ไปด้วยกันได้จริงหรือ นี่คงเป็นคำถามที่เกิดจากอคติในใจของใครหลายคน “เคยมีคนบอกว่ามารีสวยนะ ไม่น่ามาชกมวยเลย (หัวเราะ) แต่ความสวยงามของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราคิดว่าประสบการณ์และรอยแผลคือความงามอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ถ้าสังเกตมารีจะตั้งใจถักผมเปียให้สวยเลยนะก่อนขึ้นเวที เข้าใจว่ามวยมันดูรุนแรง แต่ถ้าซ้อมเพื่อออกกำลังกายมันก็ไม่เจ็บตัว มีผู้หญิงหลายคนที่มาเรียนและซ้อมเพื่อออกกำลังกายเพราะมวยเป็นกีฬาที่สนุก ใครสนใจลองไปซ้อมก่อนก็ได้ ลองดูว่าชอบหรือเปล่า ถ้าอยากขึ้นชกก็ค่อยว่ากัน!” เราอยากให้ทุกคนจับตาดูสาวลักเซมเบิร์กคนนี้ไว้ให้ดี เธอไม่ได้ดำเนินชีวิตด้วยความห้าว แต่เลือกใช้ความโหดบนสังเวียนเท่านั้น นี่อาจจะเป็นอีกมุมที่ผู้หญิงทุกคนมีแต่ยังไม่รู้ตัว เพียงแค่เธอค้นพบได้เร็วและเลือกใช้มันอย่างถูกที่ถูกเวลา ความฝันอันยิ่งใหญ่ของมารีคือการเป็นที่ 1 บนเวทีราชดำเนิน ไม่ง่าย แต่ก็เป็นไปได้ ตราบใดที่เธอยังมุ่งมั่นและมีวินัยอย่างที่เป็นมาเสมอ

Makeup: Rattanchot Pokum 

Hair: Nikom Noikham

Photographer Assistants: Arnon Boonrod, Patcharapol Ketsuwanvatana 

Stylist Assistants: Tisakorn Gunchornnok, Jaruwit Suttatum

Co-Ordinator: Akeera Sasungnern

Other Articles