ครั้งแรกบนปกนิตยสาร L’OFFICIEL Thailand ของ Pia Wurtzbach นางแบบสาวและ Miss Universe 2015 ในเซ็ตแฟชั่นงดงามสุดตระการตาของเหล่าเครื่องประดับชั้นสูงจาก BVLGARI ที่เป็นตำนาน ทั้งคอลเลกชั่น Tubogas, Serpenti และ Divas’ Dream ผสานดีไซน์เรียบหรูร่วมสมัยเข้ากับความชำนาญในฐานะผู้สร้างสรรค์จิวเวลรี่เเห่งโรม
เชื่อว่าหลายคนยังจดจำผู้หญิงสวยชาวฟิลิปปินส์ที่ชื่อ เปีย อลอนโซ วุลซ์บัค (Pia Alonzo Wurtzbach) ได้จากโมเมนต์ประกาศผลรางวัล Miss Universe 2015 ผิดพลาด แต่ถึงวันนี้ เวลาผ่านไปเกือบสิบปี หลังจากที่เธอได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส เปียได้ก้าวสู่บทใหม่ของการทำงานที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากการสานต่อโปรเจ็กต์เพื่อสังคมในฐานะทูตสันถวไมตรีโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เธอยังก้าวสู่สายงานแฟชั่นเต็มตัวมากขึ้น ด้วยการเป็นแฟชั่นอินฟลูเอนเซอร์ และล่าสุดเมื่อกลางปีนี้ เธอได้รับเกียรติให้เป็นแอมบาสเดอร์คนล่าสุดของ Bvlgari แบรนด์จิวเวลรี่ชั้นสูง เฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 140 ปีของแบรนด์ ในฐานะ Friend of the House
นี่คือครั้งแรกของการขึ้นปกนิตยสารลอฟฟีเซียล ไทยแลนด์ ของเปีย วุลซ์บัค ในลุคแฟชั่นงดงามอลังการพร้อมเครื่องประดับชั้นสูงจาก Bvlgari แต่กว่าจะเฉิดฉายอย่างสง่างามขนาดนี้ เธอผ่านเรื่องราวความท้าทายในชีวิตมาไม่น้อย ซึ่งเราหวังว่าบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้จะเป็นแรงบันดาลใจในการชีวิตให้หลายคนได้เฉิดฉายความสง่างามในแบบของตัวเองเช่นกัน
ช่วยเล่าความฝันวัยเด็กของคุณให้ฟังหน่อย
“ฉันไม่ได้มีความฝันวัยเด็กที่เฉพาะเจาะจงว่าอยากเป็นอะไร รู้แต่ว่าชอบอยู่หน้ากล้อง เอาหวีมาทำเป็นไมโครโฟนแล้วก็ร้องเพลงของ Spice Girls ให้คนในบ้านเป็นผู้ชม บางทีก็เอากล้องมากดตั้งเวลาถ่ายรูปตัวเองแล้วก็ทำสีหน้าอารมณ์แตกต่างกัน พอแม่เอาฟิล์มไปล้างก็ขำ ฉันไม่รู้หรอกว่าอยากเป็นนางแบบหรืออะไร แต่นั่นก็เป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง”
ช่วงเวลาวัยเด็กของคุณเป็นอย่างไร
“ตอนเด็ก ฉันมีความตั้งใจอยากเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ฉันทำงานเป็นนางแบบครั้งแรกตอนอายุ 11 เงินที่ได้มาก็แบ่งให้แม่กับน้องสาว วันธรรมดาเรียนหนังสือตามปกติ แต่เสาร์-อาทิตย์ก็จะเดินสายถ่ายงาน และเก็บเงินมาเรื่อยๆ การเริ่มต้นในสายอาชีพนี้จากการเป็นคนตัวเล็กๆ มันสอนให้ฉันรู้คุณค่าของการทำงานหนัก และรู้จักใช้เงิน”
อะไรคือความกล้าฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของคุณ
“ฉันเข้าประกวด Miss Philippines ถึงสามครั้ง กว่าจะได้ตำแหน่ง ปีแรกๆ ไม่ผ่านเข้ารอบ แต่ก็พยายามใหม่อยู่อย่างนั้น คนเห็นก็จำได้ว่าคนนี้มาอีกแล้ว (หัวเราะ) เวลาที่ผิดหวัง ฉันไม่ได้รู้สึกว่าฉันเสียอะไร ฉันแค่มาตรงนี้และทำสิ่งที่อยากทำ ถึงแม้ไม่ได้ก็พยายามต่อ จนสุดท้ายได้ตำแหน่ง Miss Philippines 2015 และ Miss Universe 2015 ฉันมองว่ามันเป็นความกล้าฝันและกล้าลงมือทำของฉันค่ะ
อยากบอกอะไรกับคนที่ไม่กล้าลงมือทำตามความฝัน
“ฉันยอมให้ตัวเองผ่านความรู้สึกล้มเหลว ดีกว่ารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ลงมือทำเพราะมันแย่กว่า ถึงแม้ความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จจะมีแค่ 1% แต่ฉันก็จะโฟกัสที่ 1% นั้นค่ะ มายด์เซ็ตนี้สำคัญมาก ถ้าคุณมีความตั้งใจที่ดี และมันไม่ได้ทำร้ายใคร ก็ไม่มีเหตุผลที่จะหยุดฝัน”
หากย้อนเวลากลับไปได้ถึงช่วงที่ประกวด Miss Universe เมื่อสิบปีที่แล้ว คุณอยากเปลี่ยนแปลงอะไรหรือเปล่า
“ต่อให้ฉันมีพลังพิเศษ ฉันก็ไม่เคยรู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงอะไรในอดีตเลย สิ่งที่ยังคงอยู่ในความทรงจำ ก็คือขบวนพาเหรดที่ต้อนรับฉันกลับบ้าน ฉันรู้สึกได้ถึงความรักที่ทุกคนมอบให้ รู้สึกว่าการแข่งขันไม่ใช่เรื่องของฉันคนเดียว ฉันอยู่ในขบวนที่ถูกแห่ไปบนท้องถนนในมะนิลากว่า 6 ชั่วโมง มีคนเป็นล้านมาออกันเนืองแน่น จนขบวนพาเหรดไปสิ้นสุดในย่านใกล้ๆ กับที่ที่ฉันเคยอาศัยอยู่ มีการจุดพลุ และก็มีภาพแฟลชแบ็กขึ้นมาว่าก่อนที่ฉันจะประสบความสำเร็จ เคยมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผู้คนมองมาที่ฉันแล้วแบบ โอ้! นั่นคือ Miss Universe เธอสวมมงกุฎสวยสง่างาม แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าฉันมองไปที่ตาของพวกเขาแล้วรู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งสวยงามกว่า ความสุขที่ปรากฏบนใบหน้าทุกคนทำให้ฉันยังประทับใจอยู่จนถึงทุกวันนี้และตลอดไปค่ะ”
ความท้าทายหลังจากได้รับตำแหน่ง Miss Universe แล้วคืออะไร
“คนมักคิดว่าการขึ้นมาสู่จุดของความสำเร็จนั้นเป็นเรื่องยาก แต่การรักษาไว้เป็นเรื่องยากกว่า ความท้าทายคือการคงอาชีพและการทำงานเอาไว้ ซึ่งต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก กว่าจะได้เข้ามาเป็น Miss Universe ตอนนั้นฉันคิดแค่อย่างเดียวว่าต้องได้มงกุฎ แต่ฉันไม่ได้เตรียมตัวกับช่วงเวลาหลังจากนั้น พออยู่ในตำแหน่งครบหนึ่งปีแล้ว เราจะต้องส่งต่อมงกุฎให้กับนางงามคนต่อไป และชีวิตหลังจากตำแหน่งนางงามจะเป็นอย่างไร จะกลับบ้าน หรือจะพยายามหางานทำต่อไปในสหรัฐอเมริกา จะไปเป็นนักแสดงไหม หรือจะแต่งงาน หรือจะไปเรียนต่อ ความคิดมากมายเต็มไปหมด แต่ฉันโชคดีที่มีคนรอบข้างคอยสนับสนุนและไกด์เราไปในทิศทางที่ถูกต้อง”
ถามถึงบทบาทของการต่อสู้เพื่อสิทธิความเท่าเทียม การยืนเคียงข้างกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ และกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี ในฐานะทูตสันถวไมตรีโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
“ฉันชอบชีวิตที่ได้เจิดจรัสอยู่หน้ากล้อง มันมีสีสันและสนุกมากๆ ขณะเดียวกันฉันก็ชอบการได้สัมผัสชีวิตจริง ฉันชอบฟังเรื่องราวของคนอื่น ฉันอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์และมีคุณค่ากับใครสักคน ฉันเติบโตมาโดยใกล้ชิดกับกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) มากมาย พวกเขาให้คำแนะนำกับฉันหลายเรื่อง ทำให้ฉันมั่นใจและเป็นฉันอย่างทุกวันนี้ ซึ่งพวกเขายังคงต้องต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมมาโดยตลอด ฉันจึงอยากต่อสู้เพื่อพวกเขาบ้าง
“ส่วนเอชไอวี ฉันรู้สึกว่าใกล้ตัวเพราะฉันมีเพื่อนที่เป็นผู้ติดเชื้อและไม่ได้รับการรักษาทันเวลาจนต้องเสียชีวิต ฉันจึงพยายามสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อทลายมายาคติในสังคมที่มีต่อประเด็นเรื่องโรคเอดส์ นอกจากนี้ยังมีโครงการเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพจิต เพราะในช่วงที่เป็น Miss Universe ฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าและวิตกกังวล คือในขณะที่เราอยู่ในช่วงเวลาที่ชื่นมื่นที่สุดของชีวิตในจุดสูงสุด มันก็มาพร้อมกับความยากลำบากในการจัดการความรู้สึกข้างในอยู่เหมือนกัน มันเป็นสิ่งที่กระทบกับฉันโดยตรง ก็เลยอยากเป็นกระบอกเสียงให้กับเรื่องนี้ต่อไปค่ะ”
แชร์ประสบการณ์ความประทับใจในการทำงานด้านแฟชั่นบ้าง
“ฉันชอบแฟชั่นวีกเพราะได้เจอคนหลากหลาย ทั้งนางแบบด้วยกัน เหล่าบรรณาธิการ สื่อมวลชน และคนของฝั่งแบรนด์ เป็นประสบการณ์ที่สำคัญสำหรับฉัน ฉันยังสนุกที่ได้แต่งตัวซึ่งต้องนำเสนอความเป็นตัวเองไปพร้อมกับโชว์ DNA ของแบรนด์ ซึ่งฉันและทีมผู้ช่วยที่เป็นสไตลิสต์ก็จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด การสื่อสารกันเป็นเรื่องสำคัญมาก อะไรที่ฉันจะมั่นใจที่สุด อะไรที่จะเวิร์กสำหรับฉัน บางครั้งฉันยังถามความเห็นจากแฟนๆ ในอินสตาแกรมด้วยว่าพวกเขาอยากเห็นฉันในลุคแบบไหน”
คุณมีเคล็ดลับสำหรับผู้หญิงที่อยากจะใส่ความเป็นลักชัวรี่เข้าไปในชีวิตประจำวันไหม
“คุณสามารถสวมเสื้อผ้าที่เรียบง่ายที่สุดก็ได้ แต่การเลือกแอ็กเซสเซอรี่จะช่วยให้เสื้อผ้าคุณดูโดดเด่นขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องมีโลโก้แปะหราอยู่ มันสำคัญตรงที่ทำให้คุณรู้สึกอย่างไรหรือทำให้ดวงตาของคุณเป็นประกายแค่ไหนมากกว่า ถ้าใส่แล้วมันเหมาะกับความเป็นคุณ จะทำให้ดูแพง นั่นคือความลักชัวรี่”
ในฐานะ Friend of Bvlgari คุณรู้สึกอย่างไรที่ได้สวมใส่เครื่องประดับชั้นสูงออกงาน
“ฉันสนุกที่ได้แมตช์จิวเวลรี่ของบุลการีกับตัวเลือกแฟชั่นที่หลากหลาย ยิ่งได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวและที่มาของแต่ละคอลเลกชั่นมากขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกชื่นชม คอลเลกชั่นโปรดของฉันคือ Serpenti มันรู้สึกถึงการเกิดใหม่ เป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนา การเรียนรู้ และการเติบโต ฉันคิดว่าคนเราควรจะไปข้างหน้า ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับตัวตนเก่า และโอบรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต”
สาวๆ หลายคนมองคุณเป็นไอดอลทั้งในเรื่องการเป็นนางงามและบทบาทการทำงานอื่นๆ คุณจะให้คำแนะนำเด็กสาวเหล่านั้นที่อยากตามรอยความสำเร็จของคุณอย่างไร
“อย่าหยุดและอย่ายอมแพ้ในสิ่งที่คุณทำ ทุกการเดินทางย่อมมีอุปสรรคและความท้าทาย แต่ยิ่งเราพยายามต่อสู้ บากบั่นเท่าไร มันยิ่งให้ประสบการณ์ที่ดีในการเรียนรู้ อย่างการประกวด Miss Universe ในแต่ละปีมีผู้หญิงสวยเป็นพันคนเข้าประกวด ทุกคนมาด้วยเป้าหมายเดียวกัน แต่มีผู้ชนะได้เพียงคนเดียว ซึ่งคนที่ไม่ชนะก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ประสบความสำเร็จ การที่พวกเธอได้ผ่านความท้าทายต่างๆ นั่นคือการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้เติบโตและไม่มีทางเป็นคนเดิมแน่นอน การพัฒนาไปสู่การเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีกว่า คือสิ่งที่มีค่ามากกว่ามงกุฎด้วยซ้ำ ถ้าเราโอบกอดสิ่งเหล่านั้นและเลิกโฟกัสในความสมบูรณ์แบบของการเดินทาง คุณจะเอ็นจอยสิ่งต่างๆ มากกว่าเดิม”
ก้าวต่อไปของชีวิต
“ฉันหวังว่าตัวเองจะยังคงมีพลังงานที่ขับเคลื่อนให้ได้ทำสิ่งที่ทำอยู่ต่อไปในการเป็นกระบอกเสียงต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และก้าวไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ปีหน้าฉันมีแพลนโปรเจ็กต์ใหญ่ๆ อีกมากมายในมะนิลา หนึ่งในนั้นคือการสร้างตึกที่เป็นศูนย์เยาวชน เหมือนเป็น one stop สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี ทั้งให้คำปรึกษา ให้การรักษา รวมถึงดูแลปัญหาสุขภาพจิตด้วย โดยเงินทุนส่วนหนึ่งมาจากการประมูลสิ่งของจากการประกวด Miss Universe ของฉัน ไม่ว่าจะเป็นชุด มงกุฎประดับเพชร ถ้วยรางวัล รวมถึงรองเท้า ชุดว่ายน้ำด้วย เพื่อหารายได้มาสร้างศูนย์แห่งนี้ ปีหน้าจะครบรอบสิบปีหลังจากที่ฉันได้เป็นผู้ชนะ Miss Universe ของฉัน และข้าวของที่เป็นความทรงจำเหล่านี้ ไม่ง่ายเลยนะคะที่จะปล่อยมันออกไป แต่ถ้ามันแลกกับการได้สร้างอะไรบางอย่าง ได้ทำให้คนมีชีวิตอยู่ต่อนานขึ้น มันก็เป็นสิ่งที่มีค่ามาก นั่นคือจุดประสงค์ของการเป็น Miss Universe ด้วยเหมือนกัน”
อยากบอกอะไรกับแฟนๆ ชาวไทย
“ฉันดีใจมากค่ะที่ได้ขึ้นปกครั้งนี้ ฉันรักประเทศไทย ก่อนฉันจะได้เป็น Miss Universe ฉันมาประเทศไทย และไปไหว้ขอพรหลายวัดเลยค่ะ ฉันอาจจะสมหวังเพราะการมาขอพรที่ประเทศไทยนี่แหละ ที่นี่มีความหมายกับฉันมากๆ แม้แต่ตอนที่ตกรอบจากการประกวด Miss Philippines ครั้งแรกๆ ฉันก็มาที่นี่เพื่อทบทวนตัวเองถึงสิ่งที่ต้องการในชีวิต ทุกครั้งที่มาประเทศไทย ฉันรู้สึกเหมือนที่นี่เป็นบ้านอีกหลัง ฉันเคยได้พบกับพระสงฆ์รูปหนึ่งและท่านบอกว่าชาติก่อนฉันเคยเป็นคนไทย และใช่ค่ะ ฉันก็เชื่อว่าเป็นอย่างนั้น”
Photographer: Intrachai Watmakawan
Fashion Editor: Watcharachai Nun-ngam
Writer: Anyawan Thongboonrod
Makeup: Justin Louise Soriano
Hair: Jeck Aguilar
Photographer Assistants:
Chudchpong aumponrat,
Suratham Thepphasut,
Krairit Keawprae
Stylist Assistant: Naruemol Namkaew
Producer: Siriket Jitsuphap
บทความอื่นที่น่าสนใจ:
Bvlgari Tubogas คอลเลกชั่นไฟน์จิวเวลรี่ใหม่ล่าสุดที่ได้แรงบันดาลใจจากเทคนิคเก่าแก่
Eternally Reborn แคมเปญใหม่จาก Bvlgari ที่ว่าด้วยการเริ่มใหม่อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
มิติที่หลากหลายของน้ำตาล-ทิพนารี นักแสดงสาวยุคใหม่ผู้เปี่ยมด้วยเสน่ห์และความเป็นตัวของตัวเอง