ถ้าพูดถึงวิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร นอกจากบทบาทการแสดงและร้องเพลงที่ทำให้เขาโด่งดังเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติแล้ว อิทธิพลทางด้านแฟชั่นของเขาก็เป็นที่ประจักษ์เช่นกัน ดังเช่นที่ปรากฏเป็นกระแสในทุกการเดินทางไปร่วมงานแฟชั่นวีก รวมไปถึงการได้ร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกมากมาย ดังเช่นพาร์ตเนอร์ชิปครั้งล่าสุดกับ PUMA สปอร์ตแบรนด์ชื่อดังระดับโลก นักแสดงหนุ่มวัย 25 ได้รับการประกาศแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ PUMA ประจำประเทศไทย “ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ PUMA Family ในฐานะ Brand Ambassador PUMA ของประเทศไทย ซึ่งเป็นแบรนด์ Sport Fashion ที่มีสไตล์ทันสมัย และสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผมได้เป็นอย่างดี
“PUMA สามารถผสมผสานความเป็นสปอร์ต และแฟชั่นได้อย่างลงตัว ในส่วนของ Sport Performance ก็มีความแอ็กทีฟและนวัตกรรมใหม่ๆ มาซัพพอร์ตตลอดเวลา ผมชอบและสนุกที่ได้ Mix & Match Sportstyle ในชีวิตประจำวัน แฮปปี้มากที่สามารถใส่รองเท้าสนีกเกอร์คู่โปรดไปได้ทุกที่ ทั้งใส่ไปทำงาน ไปเที่ยว และออกกำลังกาย เรียกได้ว่า PUMA มีสไตล์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผมได้เป็นอย่างดี แล้วก็เป็นแบรนด์ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัยจริงๆ ครับ อยากให้ทุกคนได้ลองใช้รองเท้า PUMA รับรองว่าจะต้องหลงรักแบรนด์ PUMA เหมือนกับผมอย่างแน่นอนครับ”
ในโอกาสที่เราได้มาถ่ายแฟชั่นเซ็ตปกร่วมกับแบรนด์ PUMA ขอเริ่มจากถามถึงรองเท้า PUMA คู่โปรดของวินก่อนเลยแล้วกัน
“ส่วนตัวผมชอบรองเท้า PUMA รุ่น Palermo มากๆ ครับ เพราะสามารถใส่ได้ทุกวันจริงๆ ใส่สบาย แถมยังมีสีให้เลือกหลากหลาย เอาไปแมตช์กับเสื้อผ้าได้หลายลุคเลยครับ และอีกรุ่นที่ผมกำลังอินมากๆ คือ PUMA Speedcat ที่ใส่ถ่ายแบบวันนี้ วันไหนอยากสนุกมากขึ้นก็หยิบรองเท้าสีแดงรุ่น Speedcat มาใส่
“รองเท้ารุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก Motorsport ที่นักแข่งรถใส่แข่งกันจริงๆ แต่ PUMA นำมาปรับรูปแบบให้สามารถใส่ได้ในชีวิตประจำวัน ตัวดีไซน์เลยออกมาเท่มากๆ มีทั้งสีแดง สีดำ สำหรับหลายๆ คนที่ชอบเรื่องความเร็ว หรือกีฬา F1 น่าจะชอบมากแน่นอนครับ ไม่ว่าจะคอลเลกชั่นไหน PUMA ก็สามารถโชว์ความเป็นตัวตนของเราในสไตล์ที่แตกต่างออกมาได้เป็นอย่างดีเลยครับ”
อยากรู้ว่าวินมีวิธีผสมผสานไอเท็มสปอร์ตให้เข้ากับสไตล์ในชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง
“ผมพยายามมิกซ์แอนด์แมตช์กับสิ่งที่ผมมีอยู่ในตู้ อย่างผมชอบที่จะหยิบสนีกเกอร์มาใส่กับยีนส์ ดูแฟชั่นและเท่ไปอีกแบบครับ แต่มันขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนด้วยนะ ผมคิดว่าแฟชั่นในยุคนี้เปิดกว้างมากๆ ครับ เราสามารถแต่งตัวได้หลากหลายสไตล์เลย ขึ้นอยู่กับเราเลือกแมตช์ อย่างไอเท็มต่างๆ ของ PUMA ผมก็เลือกมามิกซ์แอนด์แมตช์ได้ในทุกโอกาสเลยครับ เหมือนกับลุคที่เราถ่ายทำกันในวันนี้ เห็นได้เลยว่า PUMA เอาอยู่ทุกลุคจริงๆ ครับ”
มาถึงเรื่องชีวิตของวินบ้าง คิดว่าคำที่สื่อถึงตัวตนของวินในวันวานและในวันนี้ได้ดีที่สุดคือ…..
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมว่าเป็นคำว่า ‘สนุก’ เพราะตอนนั้นผมยังไม่ได้มีเป้าหมายชีวิตชัดเจน ยังไม่รู้ว่าต้องการอะไร แค่เอ็นจอยชีวิต สนุกกับเพื่อนๆ และตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ ส่วนวันนี้น่าจะเป็นคำว่า ‘ใส่ใจ’ เพราะเราทำงานมากขึ้น ทำให้มองเห็นเส้นทางและเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้นครับ”
ถ้าเปรียบชีวิตเป็นรถยนต์ คิดว่าตอนนี้ตัวเองขับเคลื่อนด้วยความเร็วที่เท่าไร
“คิดว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือมันเป็นสปีดที่ผมยังเบรกทัน ผมว่าในตอนนี้ผมรอบคอบมากขึ้นครับ ระวังมากขึ้น จากสมัยเด็กๆ ที่ยังไฟแรง ไม่กลัวอะไร คือพอเรายิ่งโต มันมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น
สปีดที่ก้าวไปข้างหน้ายังถือว่าเร็วอยู่นะ แต่ไม่ได้พุ่งพรวดออกไป มีบางครั้งที่ยังอยากเพิ่มให้เร็วขึ้น
แต่ก็ยังอยากให้เบรกทันอยู่”
เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตตอนนี้ วินใช้ไปกับอะไรมากที่สุด
“ผมโฟกัสกับงานที่ทำและใช้กับธุรกิจของตัวเองเป็นหลักครับ เพราะเป็นช่วงที่ธุรกิจเริ่มเติบโต และมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก เลยต้องใช้เวลาที่มีอยู่ในการดูแลมันอย่างเต็มที่ครับ และในช่วงที่ว่างจากงานก็จะไปออกกำลังกายด้วยครับ”
แต่วินจะไม่ยอมเสียเวลากับ…..
“สิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ ทั้งกับสุขภาพและสมอง เพราะมันจะทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า”
แล้วสิ่งที่ได้ทำล่าสุดแล้วรู้สึกภูมิใจมากๆ…..
“โปรเจ็กต์ภาพยนตร์ Under Parallel Skies ที่ผมได้มีโอกาสร่วมเล่นกับศิลปินต่างประเทศ (Janella Salvador) เป็นความฝันที่ผมพูดมาตลอดว่าอยากจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับต่างประเทศมากขึ้น หรือโปรเจ็กต์อินเตอร์เนชั่นแนล พอได้ทำสำเร็จแล้วก็รู้สึกภูมิใจมากๆ”
ช่วงสองปีมานี้ดูเหมือนจะได้ทำงานที่ต่างประเทศบ่อยๆ ได้เรียนรู้อะไรบ้าง
“เรื่องวิธีการทำงานครับ ในแต่ละประเทศก็มีคัลเจอร์และการทำงานที่แตกต่างกันไป รวมถึงธรรมชาติของคน สิ่งที่พวกเขาชอบ สิ่งที่ทำไม่ได้ เราเองก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับ อย่างการทำงานภาพยนตร์กับต่างประเทศ ผมได้เรียนรู้เยอะมากเลยนะ เป็นประสบการณ์ชีวิตที่เปิดโลกมากๆ ครับ หรือแม้กระทั่งการร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง PUMA ในฐานะ Brand Ambassador ประจำประเทศไทย ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ เช่นกันครับ และเร็วๆ นี้ผมกำลังจะเดินทางไปประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมงานอีเวนต์สุดพิเศษของทาง PUMA ด้วยครับ อย่างไรก็รอติดตามกันได้นะครับ
“อีกเรื่องที่ประทับใจเวลาได้ออกไปทำงานต่างประเทศก็คือการได้เจอแฟนๆ ที่อยู่ในต่างประเทศ มันทำให้รู้ว่ามีคนนอกประเทศที่รักเรามากๆ ด้วยเหมือนกัน”
สำหรับผลงานใหม่ของวินที่น่าจะได้ชมในปีนี้น่าจะเป็นเรื่อง Enigma 2 หรือเปล่า อยากให้เล่าถึงความผูกพันที่มีต่อตัวละคร ‘อาจิน’ ที่ทำให้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชาย
“ถ้าเรื่องที่ประกาศไปแล้วก็คือ Enigma 2 รวมถึงเรื่อง Scarlet Heart ด้วยครับ สำหรับ Enigma 2 ถือเป็นการกลับมารับบทเป็นอาจินอีกครั้งหนึ่ง เป็นตัวละครที่ท้าทายสำหรับผมมากๆ เรียกได้ว่าพลิกบทบาทจากทุกงานที่ผ่านมาเลย เนื้อเรื่องก็แตกต่างด้วย เพราะมันมีทั้งความเชื่อทางไสยศาสตร์และความเหนือจริง เลยต้องใช้จินตนาการเยอะมาก ขั้นตอนการสร้างตัวละครนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ ต้องทำการบ้านหนักมากๆ กว่าจะเข้าถึงตัวละคร ก็เลยอยากกลับไปแสดงอีกครั้งก่อนที่ผมจะลืม (หัวเราะ) แล้วในเรื่องนี้ผมยังได้ทำอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยได้ทำเยอะมาก ทั้งขึ้นสลิง ต้องจมน้ำ แล้วก็พวกซีนแอ็กชั่นที่ผมฝันอยากจะเล่นมากๆ มาตั้งแต่เด็ก เป็นอะไรที่เหนื่อยมากๆ แต่ก็คุ้มค่าครับ”
ทั้งที่งานเยอะ แต่เป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมาก ทั้งเรื่องออกกำลังกายและเรื่องกิน โดยเฉพาะการกิน
แค่มื้อเดียวต่อวัน
“ผมก็ยังคุมตัวเองเรื่องการกินอยู่นะ แต่ไม่ได้กินมื้อเดียวทุกวัน อาจจะวันเว้นวัน ถ้าวันไหนผมกินเยอะมากๆ อีกวันผมจะกินให้น้อยลง เพื่อให้มันบาลานซ์ครับ ทำไมถึงอดทนได้น่ะเหรอ? เพราะผมอยากหล่ออะครับ (หัวเราะ) แค่นั้นเลย ไม่ชอบเห็นตัวเองหน้ากลมเวลาส่องกระจก”
ขอทราบวิธีฮีลใจในยามท้อแท้หน่อยได้ไหม
“ผมว่าการได้คุยและแชร์เรื่องต่างๆ กับคนที่เราสนิท หรือครอบครัว มันช่วยได้เยอะนะ ทำให้เราได้ฟังความคิดเห็นหลายๆ มุม เพราะบางครั้งในบางเรื่องเราอาจจะมองด้านลบเกินไป แต่คนอื่นอาจจะมองต่างจากเราก็ได้ ซึ่งอาจจะมีข้อดีที่เรามองไม่เห็น”
อยากให้จักรวาลของตัวเองเต็มไปด้วย…..
“ของกิน…เพื่อการอยู่รอด อย่างมาการองแบรนด์ Souri (หัวเราะ) อืมม เอาจริงๆ ผมอยากให้โลกของผมมีทุกอย่างเหมือนในโลกใบนี้นี่แหละ และรายล้อมด้วยคนดีๆ”
วินคงจะมีความสุขที่สุดถ้า..…
“ถ้าเราทำให้คนที่เรารักมีความสุขได้ครับ”
ตอนนี้อายุ 25 ปีแล้ว ยังอยากจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่
“ผมอยากโตไปเป็นผู้ใหญ่นะ คือผมยังไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวขนาดนั้น คือเราใช้ช่วงเวลาที่เป็นเด็กของเรามานาน ก็อยากจะก้าวไปอีกสเต็ปหนึ่ง อยากไปถึงจุดที่ mature มากๆ และสามารถดูแลคุณพ่อคุณแม่และครอบครัวได้”
บทเรียนที่มีความหมายมากๆ ต่อชีวิตของวินคือ…..
“ความตั้งใจและความใส่ใจกับรายละเอียด คือไม่ว่าเราจะทำอะไรในชีวิต การใส่ใจและการเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตมันสำคัญมากๆ ถ้ามันผ่านไปแล้ว มันกลับไปแก้ไม่ได้ แต่ถ้าเราตั้งใจและใส่ใจให้มากที่สุดตั้งแต่แรก เราจะได้ไม่มานั่งเสียดายหรือเสียใจทีหลัง”
อยากให้ทุกคนจดจำวินในฐานะ…..
“อืมม ในฐานะศิลปินคนหนึ่งที่มีส่วนสร้างชื่อให้กับประเทศไทย ตอนแรกที่เข้ามาวงการตัวเราไกลจากความอินเตอร์เนชั่นแนลมากๆ แต่ตอนนี้มันขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เป็นความหวังใหญ่ๆ ของเราเลยที่อยากมีส่วนทำให้วงการบันเทิงไทยได้รับความสนใจในระดับโลกมากยิ่งขึ้นด้วย”
สุดท้ายขอลิสต์เพลง 3 เพลงที่เหมาะกับชีวิตวิน
“ผมว่าเพลงของวงบอดี้สแลมน่าจะเหมาะครับ อย่างเพลง ‘แสงสุดท้าย’…ร้องยังไงนะ (หัวเราะ) คือในชีวิตมันเจอปัญหา เรารู้สึกว่าไม่มีทางออก แต่ก็ตั้งใจทำไปจนผ่านให้ได้ แล้วก็เพลง ‘ความเชื่อ’ คือเราสามารถทำสำเร็จได้ถ้าเรามีความเชื่อ แล้วก็เพลง ‘เปราะบาง’ คือมันก็มีโมเมนต์ที่เราไม่แข็งแรงต้องเจออะไรเยอะมาก รับผิดชอบเยอะ และเหนื่อยมากๆ แต่เราไม่ได้เปิดเผยให้ใครเห็น เราแค่รู้สึกเองคนเดียว สุดท้ายเราแค่ต้องผ่านมันไปให้ได้”
Photographer: Intrachai Watmakawan
Fashion Editor: Watcharachai Nun-ngam
Writer: Pimpilai Boonjong
Makeup: Yotiny Chuaysti
Hair: Akkarapong Punkaew
Photographer Assistants: Chudchpong aumponrat, Suratham Thepphasut, Wanchai Arreerak
Stylist Assistants: Tisakorn Gunchornnok, Panithan Prasongsanti
Producer: Akeera Sasungnern
บทความอื่นที่น่าสนใจ:
ตำนานตัวแม่กลับมาอีกครั้ง! สำหรับ FENTY x PUMA ที่ Rihanna ออกแบบร่วมกับ Puma
สุดปัง! WIN HOLIDATE FANCON แฟนมีตติ้งคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกของหนุ่มวิน เมธวิน