มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร นักแสดงสาวที่มีคาแร็กเตอร์โดดเด่นและรักแฟชั่นไม่น้อยไปกว่าการแสดง ตัวตนที่มีความเท่ เมื่อบวกกับความมาดมั่น ยิ่งทำให้เธอมีเสน่ห์ โดยเฉพาะแฟชั่นลุคที่แมตช์กับไอเท็มฮิตในคอลเลกชั่น Classic Tempo จาก TWOTWICE แบรนด์เสื้อผ้าและแอ็กเซสเซอรี่ที่ได้รับการยอมรับมานานถึงแปดปี
มินนี่เข้าวงการมาตั้งแต่ยังเรียนมัธยม เกือบเก้าปีบนเส้นทางนักแสดง มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
“แต่ละคนอาจจะมองคำว่านักแสดงต่างกัน สำหรับมินมองว่าเป็นอาชีพหนึ่งที่หนัก บางทีต้องแลกเวลาชีวิตไปเยอะเหมือนกันค่ะ กว่าเราจะมีผลงานขนาดนี้ กว่าจะมาถึงตรงนี้มันค่อนข้างลำบากค่ะ แต่ก็สนุกมาก และมันสอนเราหลายเรื่อง การเป็นนักแสดงไม่ง่ายจริงๆ ค่ะ ใช้ความอดทนสูงมาก ไม่ใช่แค่ว่ามาทำงานแล้วจบ แต่คือมาทำงานร่วมกับคนอื่นและทำงานยังไงไม่ให้เขาเสียเวลา ทำยังไงให้เรา go along the way ได้โดยไม่มีปัญหา
“มินรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นเยอะมากจากเมื่อก่อน มีหลายเหตุการณ์ที่เราพลาดแล้วจำ และจะไม่พลาดเรื่องเดิม ถ้าเรื่องงานเราจะเป็น perfectionist หมายถึงว่าถ้าทำงานจะต้องแพลน 1 2 3 4 5 มีอะไรบ้าง ไม่ชอบพลาดเรื่องงานค่ะ แต่ถ้าเรื่องเล่นจะติงต๊องเต็มที่ ก่อนหน้านี้มินทำงานกับป๊า ทะเลาะกันหนักอยู่ รู้สึกว่าเราเป็นคนซีเรียสเรื่องงานเหมือนกันนะ ป๊าบอกว่าเพิ่งรู้เหรอ (หัวเราะ) แต่เรามีความคิดหนึ่งที่ไม่ดี และพยายามปรับเปลี่ยน คือชอบรู้สึกว่าทำไมคนนั้นไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ทำไมมัวแต่ด่าคนอื่น ทำไมไม่ทำหน้าที่ของคุณ แต่เวลาเห็นคนที่เราไม่ชอบ เราก็จะไม่เป็นคนแบบนั้น
“อีกอย่างคือมินเป็นคนพูดตรงมากๆ จนบางทีไม่รู้ว่าคนฟังรู้สึกยังไง การที่เราพูดออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่บางทีเขาอาจจะคิดก็ได้ เพราะมินเคยเจอคำพูดว่า ‘เอ้ย! อ้วนขึ้นป่ะเนี่ย’ บางทีก็เป็นเรื่องที่เฮิร์ตกันได้ มินพยายามจะพูดถนอมน้ำใจคนมากขึ้นและพูดให้ช้าลง ปกติเวลาเราฟังผ่านหูแล้วจะพูดต่อทันที หลังๆ พอโตขึ้นเราก็ฟังมากขึ้น อาจจะไม่พูดต่อ ปล่อยให้มันสลายหายไปดีกว่า มีหลายเรื่องมากค่ะที่สอนให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น รู้สึกว่าสำคัญกับชีวิตมาก ถ้าเราไม่เจออันนั้น เราก็จะไม่เป็นแบบนี้ ถ้าเราไม่เจออันนี้ เราก็จะไม่รู้ว่าอันนั้นดีอันนี้ไม่ดี มินรู้สึกว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีทางที่เราจะรู้ทุกเรื่อง คนเราเรียนรู้ไปจนตาย”
มินนี่เป็นนักแสดงคนหนึ่งที่มีของ ที่ผ่านมาได้ปล่อยของหมดแล้วหรือยัง
“ยังเลยค่ะ ต้องบอกว่ามินไปสุดทุกเรื่องที่มินเล่น แต่ยังมีอะไรอีกมากมายที่รู้สึกว่ายังไม่ได้ปล่อยของออกไปให้ทุกคนเห็นทุกด้านว่าเราทำอะไรได้บ้างมากกว่า ถามว่าบทแบบไหนที่น่าจะได้ปล่อยของเต็มที่ มีหลายแบบมากค่ะ ไม่ว่าจะดราม่า แอ็กชั่นสุดๆ หรือโรแมนติกมากๆ เหมือนยังไม่ได้ทำอะไรแบบจ๋าๆ ขนาดนั้นเท่าไร มินเอ็นจอยเวลาทำการบ้านหนักๆ เพื่อทำความเข้าใจตัวละคร เหมือนเราได้เข้าใจมนุษย์คนหนึ่งมากๆ มินไม่ได้กำหนดตายตัวว่าอยากไปคอเมดี้มาก หรือดราม่ามาก แต่อยากเป็นมนุษย์คนนั้นให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าเขาจะเป็นคนแบบไหน เขาจะไปสุดในด้านไหน หรือมองโลกในมุมมองแบบไหน เราอยากถ่ายทอดมุมของเขาให้ได้มากที่สุดมากกว่า
“การเล่นบทที่คาแร็กเตอร์ใกล้เคียงหรือเป็นตัวเราเองอาจจะไม่ต้องทำการบ้านเยอะ เพราะความรู้สึก มุมมอง หรือการกระทำใกล้เคียงกับตัวเรา สมมติเห็นอันนี้ เราจะรู้แล้วว่าต้องทำยังไง มันก็ง่าย ถ้าเล่นตัวละครที่แตกต่างจากเราไปเลย และเราเป็นเขาได้ มันค่อนข้างชาเลนจ์ในมุมของมินค่ะ”
มีผลงานเป็นที่รู้จักหลายเรื่อง (แสงกระสือ เด็กใหม่ซีซั่น 2 และล่าสุด นางทาสหัวทอง) จนคนเบื้องหลังด้วยกันเองเห็นฝีมือแล้ว ทุกวันนี้ยังต้องแคสต์งานหรือเปล่า
“ยังไปแคสต์อยู่ค่ะ แต่มีบางบทที่เขามองว่าตัวละครนี้เป็นเรามากๆ โดยอ้างอิงมาจากว่าเขาเห็นผลงานต่างๆ ของเรา ซึ่งการเล่นเป็นตัวละครนั้นๆ ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนแบบนั้น เราแค่เล่นแบบนั้น และเขาคิดว่าเราเล่นได้ เขาเลยให้เราเล่น ตอนนี้ก็มีบทให้แคสต์ค่ะ มินเห็นด้วยกับโปรเซสการแคสต์นะคะ เพราะบางทีพอจิ้มเลยว่าเลือกคนไหน มันจะ miss cast บางคนอาจเป็นตัวละครนี้ได้ดีกว่าเราก็ได้ หรือบทนี้เป็นเราจะเข้ากว่า มินคิดว่าการแคสต์คือการเฟ้นหาคนที่เหมาะกับคาแร็กเตอร์ที่เขียนมาตามบทจริงๆ
“ถ้าแคสต์แล้วไม่ได้ เราก็สู้ต่อ มันผิดหวังอยู่แล้วล่ะ เพราะเราตั้งความหวังว่าอยากได้บทนี้ แต่มินมูฟออนง่าย เพราะหลายปีก่อนหน้านี้มินแคสต์เป็นร้อยงานเลย หลังเลิกเรียนบ่ายสาม คุณแม่จะขับรถพาไปแคสต์ทุกวัน แต่ละงานคือรอแคสต์จนถึงสองทุ่ม บางวันอาจจะสี่ถึงห้าทุ่ม โดนปฏิเสธเป็นเรื่องปกติ พลาดเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร เราก็ไปเรื่องใหม่ แต่เราก็จะกลับมาทบทวนว่าเราควรพัฒนาตรงไหนต่อมากกว่า”
ทราบว่าชอบแฟชั่นจริงจังด้วย ออกนอกบ้านแต่ละวันพิถีพิถันประมาณไหน
“แล้วแต่วันเลยค่ะ ถ้าไม่ได้ไปทำงานและอยากชิลล์ๆ ก็ง่ายๆ เลยค่ะ ฮู้ดดี้ตัวนึง หมวกแก๊ป กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ ถ้าวันไหนนึกสนุกอยากมันๆ ก็จับโน่นนิดนี่หน่อยมาผสมปนเปกัน มินชอบซื้อผ้าคราฟต์กับผ้าไหม บางทีเอามาโพกหัว โพกคอบ้าง เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ค่ะ ชอบซื้อของค่ะ ตอนนี้เต็มบ้านเลย เสื้อผ้ากับรองเท้าเยอะมาก เครื่องประดับก็ชอบมาก พักหลังมานี้ชอบดูนาฬิกา แต่ไม่ค่อยได้ซื้อนะคะ เพราะส่วนใหญ่ที่ชอบมันแพง ถ่ายแบบวันนี้มีชุดนึงที่ unexpected เป็นเดรสสีเหลือง ถ้ามองบนราวแขวนอาจจะเฉยๆ แต่พอใส่ออกมา เอ้ย! สวยอะ รู้สึกว่าผู้หญิงที่รูปร่างคล้ายๆ มิน แบบหน้าอกไม่ใหญ่มาก ใส่ออกมาแล้วหุ่นสวยเลยเพราะทรงมันดี”
สายตาคนนอกมักจะมองว่ามินเป็นสาวร่าเริงสนุกสนาน เข้ากับคนง่าย
“มินเป็นคนเงียบในบางมุม ถ้าเป็นการทำงานจะเป็นคนที่คุยได้กับทุกคน พออยู่หลังกล้องตอนไม่ได้ทำงานหรือนั่งพัก เราก็มีมุมพักของเราที่จะอยู่นิ่งๆ มองธรรมชาติ มองคนคุยกัน มินชอบมองโน่นนี่ ไม่ได้สังเกตว่าเขาทำอะไรนะคะ แค่มองว่าอันนั้นสวย อันนี้โอเค เหมือนจะช่างสังเกต บางคนมองว่าเราเอ็กโทรเวิร์ต แต่บางทีเราก็อินโทรเวิร์ต ปกติถ้าไม่ได้ออกมาทำงานจะไม่ค่อยได้เจอใครหรอก ชอบอยู่คนเดียวที่บ้าน อ่านหนังสือ ดูหนัง
“นี่เพิ่งอ่านหนังสือ The Twenties’Ache ของพี่ก้อย-อรัชพรจบไป มันดีมาก เจ๋งมาก เล่มที่กำลังจะอ่านคือ คู่มือมนุษย์ ของท่านพุทธทาสภิกขุ อ่านแค่คำนำก็รู้สึกว่าดี อยากให้ทุกคนไปอ่านกัน และอยากแนะนำให้ลองนั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐานบ้าง อยู่ที่บ้านก็ทำได้ ที่พูดคือจะบอกตัวเองด้วยเหมือนกัน ตอนเด็กๆ มินเคยไปปฏิบัติธรรมที่ยุวพุทธฯ รู้สึกว่ามันดีและเฮลตี้ขึ้น เราควรมีเวลาให้ตัวเองบ้าง เพราะยุคนี้อะไรก็เปลี่ยนผันไปเร็ว และอย่าไปดูชีวิตคนอื่นมากนัก เอาเวลาของเราที่ไปดูชีวิตของเขามาพัฒนาตัวเอง…แล้วอะไรๆ มันจะดีขึ้น”
ความฝัน…ความสุข
“มินเคยให้สัมภาษณ์ไว้นานมากแล้วว่าอยากมีบ้าน ซึ่งตอนนี้ซื้อบ้านได้แล้ว เป็นหนี้หัวโตค่ะ ผ่อนยับเลย แต่รู้สึกว่ามันเติมเต็มชีวิตมากๆ เหมือนสำเร็จไปอีกหนึ่งความฝันมั้งคะ เวลาตั้งความฝันเราจะตั้งไม่ไกล เช่น อยากมีรถคันแรก มีบ้านที่เป็นชื่อของตัวเอง
“ความสุขของมินคือครอบครัวค่ะ ป๊ากับน้องๆ มินเหมือนมีลูกสองคน มีน้องชายคนกลางและผู้หญิงคนเล็กค่ะ คุณแม่เสียไปประมาณแปดปีที่แล้ว น้องสองคนยังเรียนไม่จบทั้งคู่ มินเลยเป็นห่วง ไม่ค่อยห่วงตัวเองค่ะ ห่วงน้องๆ มากกว่า มินอยากให้เขาไปถึงฝั่งฝัน แต่น้องจะไม่ชอบตรงที่เราขี้บ่น (หัวเราะ) มันหยุดไม่ได้จริงๆ ความหวังดีมันพรั่งพรู แต่ช่วงหลังพยายามพูดให้น้อยลงแล้วค่ะ มินโตขึ้นด้วยแหละ เลยรู้ว่าบางทีเราเจอผู้ใหญ่ที่พูดเยอะๆ เราอาจจะไม่ชอบก็ได้ เลยกลายเป็นว่าพูดน้อยลง ฟังให้เยอะขึ้น”
สำหรับ ‘บางคน’ ที่อาจจะยังไม่รู้จักมินนี่…
“สวัสดีค่ะ มินนี่ ภัณฑิรานะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ไม่รู้จักก็ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวไว้เจอกันตามผลงานต่างๆ จะตั้งใจทำผลงานออกมาเผื่อพี่ๆ จะได้ดูกันบ้าง และอาจจะรู้จักมินนี่ขึ้นมาก็ได้”
Photographer: Pannatat Aengchuan
Stylist: Mile Supakasem
Hair: Worawalan Permkitpaisarn
Makeup: Chanidapa Kulmaeteesiripak
Photographer Assistants: Tawin Manajit, Nuttapon Mansukpol
Stylist Assistant: Maetavut Wangyo
