The Idea of You ภาพยนตร์โรแมนติก-ดราม่า นำแสดงโดย Anne Hathaway (รับบท โซแลน) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยววัย 40 ที่เริ่มต้นความสัมพันธ์แบบไม่คาดคิดกับเฮย์ส แคมป์เบลล์ นักร้องนำวัย 24 แห่งวง August Moon บอยแบนด์ที่ฮอตสุดแห่งยุค แสดงโดย Nicholas Galitzine กำกับภาพยนตร์โดย Michael Showalter อ้างอิงจากนิยายเรื่อง The Idea of You ของ Robinne Lee
ชีวิตของโซแลน (Solène) สุขสบายและเป็นระเบียบเรียบร้อยดี เธอหย่าร้างมาหลายปีและเป็นโสด โซแลนให้ความสำคัญกับอิสรภาพ เพื่อน ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับอิซซี (Izzy) ลูกสาววัยรุ่น และความมุ่งมั่นในงานของเธอ นั่นคือการดูแลแกลเลอรีศิลปะ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้ละทิ้งจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยไปเสียหมด โซแลนวางแผนทริปตั้งแคมป์คนเดียวในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อฉลองวันเกิดครบรอบ 40 ปีของตัวเอง ในขณะที่แดเนียล (Daniel) อดีตสามีจะพาอิซซีและเพื่อนๆ ไปเทศกาลดนตรีโคเชลลาด้วยบัตรวีไอพีที่มาพร้อมสิทธิ์เข้าชมบอยแบนด์ August Moon วงโปรดของลูกสาว โดยมีเฮย์ส แคมป์เบลล์ (Hayes Campbell) เป็นนักร้องนำ ถ้ามีใครถามโซแลนว่าชีวิตเธอเป็นยังไงบ้าง เธอคงจะตอบว่า “ทุกอย่างปกติดี ขอบคุณ”
แต่ที่ว่า ‘ดี’ นั่นดีพอหรือยัง?

…เมื่อโซแลนต้องก้าวเข้ามาเป็นผู้ดูแลและพาลูกสาวของเธอมาทริปเทศกาลดนตรีโคเชลลาในนาทีสุดท้าย เธอบังเอิญได้พบกับเฮย์ส แล้วหัวใจทั้งคู่ก็เกิดอาการสปาร์กในทันที เมื่อความสัมพันธ์เริ่มสอดผสาน ทุกอย่างน่าตื่นเต้นและแปลกใหม่ไปหมดสำหรับโซแลน แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? แม้จะยังไม่มั่นใจ แต่เธอก็สนุกกับการใช้เวลาร่วมกับหนุ่มเจ้าเสน่ห์และจริงใจคนนี้ ต้องยอมรับว่าพวกเขาทั้งคู่มีเคมีเข้ากันอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ การพูดคุยกับเฮย์สเป็นเรื่องง่าย เขาทำให้เธอหัวเราะ เป็นความสัมพันธ์ที่หอมหวาน ในบางมุมก็คือสิ่งที่โซแลนต้องการในชีวิตตอนนี้ แต่เธอยังมีสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เธอต้องการชีวิตที่ไม่ซับซ้อน และลูกสาวของเธอต้องมาก่อนเสมอ แถมยังมีงานในแกลเลอรีที่ทุ่มเทสร้างขึ้นมากับมือ ทว่าในทางกลับกัน เฮย์สกำลังก้าวเข้าสู่โลกแห่งชื่อเสียง แฟนเพลง และปาปารัซซี โลกที่เกือบเหนือจริงและต้องเดินทางตลอดเวลา พวกเขาทั้งสองอยู่ในโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอายุ…เขาอายุ 24 ส่วนเธออายุ 40 คนต้องพูดถึงเรื่องนี้แน่

“เราคุ้นเคยกันดีว่าเมื่อความสัมพันธ์ไหนมีช่องว่างระหว่างวัย มักจะเป็นผู้ชายที่อายุมากกว่า” พระเอกหนุ่มตั้งข้อสังเกต “ผมรู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้เห็นเรื่องราวความสัมพันธ์ในมุมนี้ และนำเสนอว่าตอนนี้สังคมของเรายืนอยู่ตรงไหนและกำลังก้าวไปทางไหน เรามองความรักและความสัมพันธ์อย่างไร รวมถึงการที่เคมีระหว่างคนสองคนก้าวข้ามเรื่องของอายุ คนสองคนในสองช่วงเวลาของชีวิตที่แตกต่างกัน สามารถมีสิ่งที่เหมือนกันและเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ”

ภาพยนตร์พาเราไปติดตามพวกเขาทั้งคู่ ผ่านภาพฟุตเทจสวยงามของการออกเดินทางในต่างแดน เสียงเชียร์ของฝูงชน การแสดงคอนเสิร์ตที่เร้าใจ ควบคู่ไปกับภาพมื้อค่ำแบบลับๆ และยามเย็นที่เป็นส่วนตัวของคู่รัก The Idea of You หยิบจับแก่นแท้ของนวนิยายจากปลายปากกาของ Robinne Lee มานำเสนอ ให้ผู้ชมหลีกหนีจากความเป็นจริงและเพลินใจไปกับเรื่องรักโรแมนติกอย่างแท้จริง นิยายเรื่องนี้สร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านด้วยเรื่องราวของคนสองคนซึ่งแม้จะมีชีวิตที่แตกต่าง แต่ก็กล้าที่จะเสี่ยงเปิดใจให้กันในรูปแบบที่ซื่อสัตย์จริงใจ สร้างแรงสั่นไหวในหัวใจของกันและกัน และด้วยส่วนผสมขององค์ประกอบนี้เองที่ทำให้แอนน์รู้สึกอินไปกับตัวละครเอกในภาพยนตร์เรื่องนี้

“ฉันรู้สึกเชื่อจริงๆ” แอนน์กล่าว “ฉันชอบสร้างภาพยนตร์ที่มีกลิ่นอายโรแมนติกหน่อยๆ แต่บางครั้งมันก็ยากที่จะหาหนังที่คุณเชื่อและรู้สึกว่าเข้าถึงความรู้สึกบางอย่างจริงๆ มีบางอย่างในเรื่องราวของโซแลนกับเฮย์สและความรักของพวกเขาที่ทำให้รู้สึกว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ”

“ชีวิตของเขาแปลกมาก เป็นสิ่งที่น้อยคนนักที่จะได้สัมผัส” นิโคลัสพูดถึงตัวละครเฮย์สที่เขารับบท “ลองนึกภาพว่าการที่ไม่สามารถออกจากบ้านไปซื้อนมโดยที่ไม่มีใครจำคุณได้ดูสิ แล้วคุณจะพบรักได้ยังไง มันยากที่คุณจะไว้ใจใครได้ คุณไม่อาจเชื่อใครได้เลยว่าจริงๆ แล้วพวกเขาต้องการอะไรจากคุณ”
ท้ายที่สุดแล้ว โซแลนต้องตัดสินใจครั้งสำคัญว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะดำเนินไปในทิศทางไหน เธอจะยินดียอมรับผลกระทบที่ตามมาและขอให้คนรอบตัวยอมรับมันเช่นกัน เพื่อที่เธอจะได้ทำตามหัวใจตัวเองหรือเปล่า

เคมีระหว่างนักแสดง แอนน์ แฮทธาเวย์ & นิโคลัส กาลิทซีน
สำหรับผู้กำกับ ไมเคิล โชวอลเตอร์ รวมถึงแอนน์และนิโคลัส พวกเขาคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่โซแลนและเฮย์ส แม่เลี้ยงเดี่ยวและป๊อปสตาร์ จะต้องไม่ถูกมองว่าเป็นคนประเภทที่ชอบหว่านเสน่ห์หรือเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น แต่เป็นคนสองคนที่เผชิญกับสถานการณ์ ความรู้สึกไม่มั่นคง และความปรารถนาที่ต่างกัน ผู้ชมจะได้เฝ้าดูพวกเขาเติบโต ต่อสู้ และตระหนักรู้ด้วยตัวเองในขณะที่เรื่องราวดำเนินไป

นักแสดงทั้งสองรู้สึกเข้ากันได้ดีตั้งแต่การพบกันครั้งแรกที่แอนน์เสนอตัวอ่านบทร่วมกับนิโคลัสในการออดิชั่นของเขา “คุณสามารถบอกได้เสมอจากการออดิชั่นว่าใครแสดงได้หรือไม่ได้ แต่คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าใครจะเป็นยังไงเวลาอยู่หลังกล้องหรือเวลาถ่ายหนัง” แอนน์อธิบาย พร้อมกับกล่าวต่ออย่างมีความสุขว่า “ฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงเลยว่าการร่วมงานกับนิคเป็นเรื่องดีขนาดไหน เขาทำให้กองถ่ายเต็มไปด้วยความอบอุ่น จริงใจ และสนุกสนานในทุกๆ วัน”
นิโคลัสตอบกลับคำชมของแอนน์ โดยบอกว่าเขาได้เรียนรู้หลายอย่างจากประสบการณ์ในวงการภาพยนตร์ของเธอ โดยเฉพาะในเรื่อง “วิธีที่เธอเข้าถึงและสร้างตัวละคร พร้อมๆ กับพยายามรักษาความสดใหม่ในการแสดง เพราะคุณคงไม่อยากแสดงออกมาแล้วดูเหมือนซ้อมมามากเกินไป แอนน์ค้นหาความจริงในตัวละครของเธออยู่เสมอ และนั่นคือเหตุผลที่เราทุกคนมาที่นี่ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่ซื่อสัตย์จริงใจที่ผู้คนรู้สึกอินตามไปด้วย”
ฟอร์มวงบอยแบนด์ August Moon

ในส่วนของสมาชิกวง August Moon ทีมผู้สร้างตั้งใจให้ทีมนักแสดงดูเป็นบอยแบนด์ซูเปอร์สตาร์จริงๆ และก่อนการถ่ายทำภาพยนตร์จะเริ่มขึ้น พวกเขาจะต้องฝึกซ้อมอย่างเข้มข้นเป็นเวลาหลายเดือน “เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราทุกคนที่ August Moon จะต้องเป็นวงดนตรีที่ยอดเยี่ยม เราไม่ได้จะล้อเล่นเรื่องปรากฏการณ์บอยแบนด์ แต่เราต้องการเฉลิมฉลองเรื่องนี้” โชวอลเตอร์กล่าว “ดังนั้นเราจึงรวบรวมชายหนุ่มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่เมื่อมาอยู่รวมกันแล้วเป็นวงดนตรีที่ดูสมจริง พร้อมด้วยบทเพลงที่มีความพิเศษ เพื่อให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ในการร่วมเดินทางครั้งนี้”
ดานี วิทาลี (Dani Vitale) นักออกแบบท่าเต้น เล่าว่า “เด็กหนุ่มอีกสี่คนเป็นนักเต้นมืออาชีพที่สามารถแสดงได้ แต่นิคเป็นนักแสดงและเขาจำเป็นต้องฝึกเต้นอย่างจริงจัง แน่นอนว่าเขามีความรู้พื้นฐานมาก่อนแล้ว แต่การที่ต้องสอนท่าเต้นแนวป๊อป/ฮิปฮอป ในขณะที่เขาต้องร้องเพลงและใช้ไมโครโฟนให้ถูกต้อง รวมถึงคุมเวทีไปด้วยนั้นเป็นอะไรที่มากกว่าแค่การเต้นเยอะเลย”

“ดานีเป็นคนสำคัญมากสำหรับผม” นิโคลัสกล่าว “เธอมีวิธีการทำงาน และสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผมได้ปลดปล่อยอย่างเป็นอิสระจริงๆ การมีความมั่นใจในเรือนร่างของตัวเอง การแสดงอารมณ์ และการกระตุ้นผู้ชมเป็นทักษะเฉพาะทางที่ท้าทายมาก ผมรายล้อมไปด้วยผู้ชายอีกสี่คนที่ผ่านการฝึกฝนเพื่อเป็นนักเต้นมาแล้ว ดังนั้นส่วนนั้นของหนังจึงเป็นสิ่งที่ผมค่อนข้างกลัว” จริงอยู่ว่านี่อาจเป็นอะไรที่น่ากังวลสำหรับเขา แต่ผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมานับว่าคุ้มค่าสำหรับความพยายามทั้งหมด
สำหรับการสร้างสรรค์บทเพลง ทีมผู้สร้างได้ติดต่อ ซาวาน โคเทชา (Savan Kotecha) ผู้อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตที่เขียนเพลงและโปรดิวซ์ให้กับศิลปินชื่อดังระดับโลกมาแล้วมากมาย (One Direction, Britney Spears, Nicki Minaj, Katy Perry และ Ellie Goulding) ในเรื่องนี้ผู้ชมจะได้ยินเพลงใหม่ของวง August Moon ถึง 5 เพลง แต่ละเพลงมีศักยภาพที่จะติดอันดับเพลงฮิต 40 อันดับแรกได้ไม่ยาก ทั้ง Dance Before We Walk, Taste, I Got You, Guard Down รวมถึง Closer ซึ่งเป็นเพลงที่เฮย์สร้องให้โซแลนในงานโคเชลลาหลังจากที่ทั้งสองพบกันโดยบังเอิญ เนื้อเพลงที่พูดถึงความรู้สึกอยากใกล้ชิดให้มากกว่าเดิม ดูเหมือนจะบอกใบ้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเรื่อง นอกจากนี้ยังมีเพลงเดี่ยวของเฮย์สอีกหลายเพลง ซึ่งรวมถึงเพลง The Idea of You ด้วย
เนรมิตฉากสำคัญในเทศกาล Coachella

ความสมจริงในเรื่องอีกอย่างคือการต้องเนรมิตฉากสำคัญในเทศกาลโคเชลลาที่ทั้งยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยความโกลาหลขึ้นมาจากความว่างเปล่า! “เราถ่ายทำหนังเรื่องนี้ในแอตแลนต้าและซาวานนาห์” โชวอลเตอร์กล่าว “แต่เรื่องราวเกิดขึ้นในลอสแอนเจลิส นิวยอร์ก โคเปนเฮเกน ลอนดอน แซงต์-โตรเปซ์”
เอมี วิลเลียมส์ (ผู้ออกแบบงานสร้าง) อธิบายว่า “เทศกาลนี้เกิดขึ้นนอกแอลเอ มันเป็นสถานที่ที่กว้างใหญ่และวุ่นวาย และโซแลนก็เหมือนหลุดออกมาจากสถานที่เงียบสงบและถูกโยนเข้ามาในโลกที่จัดจ้านด้วยสีสัน เรานำสีพาสเทลและสีรุ้งที่สื่อถึงวัยเยาว์ออกมาใช้ งานประติมากรรมนิดหน่อย และงานศิลปะจัดวางขนาดใหญ่ รวมถึงเต็นท์จำนวนมาก รถบรรทุกอาหาร ห้องน้ำเคลื่อนที่ รถพ่วง และเวทีขนาดใหญ่ เราทำงานร่วมกับบริษัทวิชวลเอฟเฟ็กต์ Nimblist เพื่อสร้างเวทีและและการออกแบบแสง นับเป็นความร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่างหลายฝ่ายเพื่อนำองค์ประกอบเหล่านี้มารวมเข้าด้วยกัน”
เมื่อการถ่ายทำฉากสำคัญเสร็จสิ้น เอมีก็เปลี่ยนฉากใหม่ให้ดูเหมือนสถานที่ต่างๆ ในยุโรป โดยเปลี่ยนภาพพื้นหลังที่เต็มไปด้วยต้นกระบองเพชรและต้นปาล์มในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ เป็นทิวทัศน์ต่างๆ ที่ปรากฏในเมืองต้นฉบับจริงๆ “เราเปลี่ยนเวที เปลี่ยนแสง และพื้นหลัง แค่นั้นเราก็เหมือนข้ามมาที่ยุโรปแล้ว” เธอพูดให้ทุกอย่างดูเหมือนง่ายกว่าความเป็นจริงว่า “เราใช้พาเลตต์สี ฉาก และองค์ประกอบบนเวทีที่แตกต่างกัน เช่น การเพิ่มหรือถอดแคตวอล์กออก การเพิ่มบันไดที่สว่างไสว หรือใส่ประกายไฟและกองไฟเข้าไป เป็นการทัวร์คอนเสิร์ตในยุโรปที่ยิ่งใหญ่มาก”
“นี่คือเรื่องราวโรแมนติกที่ยอดเยี่ยม เซ็กซี่ ตลก และเร่าร้อนหน่อยๆ เป็นเรื่องของคนสองคนที่ไม่น่าจะได้อยู่ด้วยกันแต่พวกเขาก็รักกันมาก เราหวังว่าคุณจะอยากติดตามเส้นทางรักครั้งนี้ในขณะที่พวกเขาฝ่าฟันกับอุปสรรคทุกรูปแบบ ทั้งความเห็นของสังคม และความคิดของพวกเขาเองว่าคนแบบไหนที่พวกเขาควรหรือไม่ควรจะใช้ชีวิตด้วย…ผมคิดว่าตราบใดที่การตัดสินใจนั้นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ผู้คนควรจะเปิดกว้างมากกว่านี้ และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ชี้ให้เห็นว่าสังคมของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลกอินเทอร์เน็ตนั้นสามารถโหดร้ายได้มากขนาดไหน” – ไมเคิล โชวอลเตอร์ ผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับและผู้ร่วมเขียนบท
“สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับโซแลนก็คือ เรื่องราวของเธอเป็นตัวอย่างของสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงจำนวนมากเมื่อเข้าสู่วัยกลางคน มันค่อนข้างง่ายที่พวกเธอจะพูดว่า ‘เฮ้ ฉันโอเคแล้ว ฉันแต่งงานแล้ว และอาจจะหย่าแล้ว ฉันเลี้ยงลูก ฉันมีงานทำ แล้วทำไมต้องแสวงหาอะไรมากกว่านี้อีกล่ะ’ แบบว่า ฉันสบายดี จบเรื่องแล้ว แต่การที่จะเปิดใจให้ความรักอีกครั้ง และแสวงหาสิ่งที่มากกว่าหลักประกันว่าจะมีชีวิตที่ปลอดภัยนั้น โซแลนจะต้องเสี่ยงที่จะอกหักอีกครั้ง เธอต้องผลักดันตัวเองให้อยากได้มากกว่าแค่สิ่งที่ดี” – เคธี ชูลแมน ผู้อำนวยการสร้าง
“เราต้องการสร้างหนังที่จะทำให้ผู้ชมรู้สึกดี ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวของตัวละครที่ผู้ชมรู้สึกยินดีที่ได้รู้จัก และสนุกที่ได้เห็นพวกเขาด้วยกัน ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือไม่สำคัญว่าพวกเขาจะเป็นใคร หน้าตาเป็นยังไง หรือนำเสนอออกมาแบบไหน หรือเรื่องอะไรแบบนั้นเลย มันเป็นเรื่องของความรักอย่างเดียว” – แอนน์ แฮทธาเวย์ นักแสดงนำและหนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง
