Sunday, March 16, 2025

ความในใจของ Billie Eilish & FINNEAS ที่มีต่ออัลบั้ม ‘HIT ME HARD AND SOFT’

ปล่อยออกมาเเล้วกับอัลบั้มใหม่ล่าสุดอย่าง ‘HIT ME HARD AND SOFT’ ของ Billie Eilish ที่ร่วมเเต่งเพลงกับพี่ชายเเละโปรดิวเซอร์ของเธออย่าง Finneas O’Connell นับว่าเป็นอีกอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จเเละทำให้เหล่าเเฟนคลับได้เห็นถึงความสามารถของทั้งคู่ในการทำเพลงที่มากขึ้นเรื่อยๆ

ในช่อง Youtube ของ Apple Music ได้ปล่อยคลิปที่ Zane Lowe นั่งพูดคุยกับทั้งคู่เกี่ยวกับอัลบั้ม  ‘HIT ME HARD AND SOFT’ ซึ่งทำให้พวกเราได้มีโอกาสที่จะเข้าใจเเละเห็นมุมมองต่างๆในการทำอัลบั้มนี้ เเน่นอนว่ายิ่งได้รับฟังยิ่งทำให้รู้ว่าเเต่ละเพลงนั้นดำดิ่งสู่ห้วงลึกเเละปลอบประโลมเราได้ในเวลาเดียวกันดั่งชื่ออัลบั้มเลยทีเดียว 

การพูดคุยของทั้งสามอยู่ในห้องทำเพลงเล็กๆซึ่งเป็นบ้านของ Finneas บทสนทนาเริ่มต้นด้วย Zayne Lowe กล่าวชื่นชมในท่อนเปิดของเพลงเเรกอย่าง ‘Skinny’ ว่าเป็นหนึ่งในเพลงเปิดที่ยอดเยี่ยมที่สุด พร้อมถามคำถามเเรกที่นำไปสู่บทสนทนาที่ลื่นไหลของทั้งสาม

Zane Lowe : คุณอยากบอกอะไรกับตัวเองในวัยเด็ก ถ้าคุณสามารถย้อนเวลากลับไปได้เเละได้ยินพวกคุณในวัยเด็กกำลังนั่งทำเพลงอยู่?

Finneas : มันคงจะดีถ้าได้สัมผัสพลังของเด็กสองคนนั้นที่กำลังจะสร้างสิ่งหนึ่งขึ้นมาโดยไม่ได้คาดคิดว่าจะมีความหมายต่อคนทั่วโลกขนาดไหน ผมคงจะบอกพวกเขาว่าอย่าเครียดจนเกินไป

Billie Eilish : ฉันคงจะเเอบฟังอย่างเงียบๆเเละไม่ได้กล่าวอะไรกับเด็กสองคนนั้น เพราะฉันไม่ได้อยากเปลี่ยนเเปลงอะไรกับสิ่งที่มันเป็นอยู่

ตัวตนที่เเท้จริงเหมือนเป็นเเกนหลักในการทำเพลงของทั้งคู่ Billie ได้พูดถึงอัลบั้ม ‘Happier than after’ ซึ่งเหมือนเป็นอัลบั้มที่ยังค้นหาตัวตนอยู่เเละไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร เเต่สำหรับอัลบั้ม ‘HIT ME HARD AND SOFT’ เหมือนตรงกันข้ามกันสิ้นเชิง อัลบั้มนี้เป็นการค้นพบตัวตนที่เเท้จริงของตัวเองเเล้วเเละพร้อมที่จะเเสดงออกมาให้ทุกคนได้เห็น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาได้สัมผัสเเละรับรู้จากประสบการณ์ของตัวเอง

“พวกเราพยายามอย่างหนักมากในตลอดระยะปีนี้เพื่อพยายามค้นไปถึงเเก่นเเท้ว่าตัวตนที่เเท้จริงของเราเป็นอย่างไร” Finneas กล่าว

อัลบั้มนี้เเตกต่างจากอัลบั้มก่อนๆ Billie ได้เผยว่าพวกเขาไม่ได้ทำเเต่ละเพลงให้เสร็จอย่างต่อเนื่องเเต่กลับทิ้งมันไว้เเละหันไปทำเพลงอื่นๆต่อ

“ปกติพวกเราจะทำเพลงให้จบเป็นเพลงๆไป เเต่นี่เป็นอัลบั้มเเรกที่พวกเราทำเเต่ละเพลงให้เสร็จในเวลาพอๆกัน เหมือนเเต่ละเพลงจะมีท่อนของมันอยู่เเล้ว พอจะทำไปถึงท่อนฮุคพวกเราก็จะหยุดไว้เเค่นั้นเเละไปทำเพลงอื่นต่อ นี่เป็นไอเดียของ Finneas ซึ่งตอนเเรกที่เริ่มทำมันน่าหงุดหงิดเป็นอย่างมากเเต่ก็ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาน่าพึงพอใจ”

นอกจากนี้อัลบั้มนี้ยังเป็นอัลบั้มเเรกที่ Billie Eilish มีส่วนในการทำเพลงมากที่สุดซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Finneas เพราะเขาเห็นว่าไอเดียของ Billie มีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆกับสิ่งที่เธอกำลังทำ 

“การทำงานของพวกเราเสมือนเป็นการเติมเต็มให้กันเเละกัน เมื่อฉันมีไอเดียเกี่ยวกับเพลงเเละทำนองเเต่ยังขาดบางสิ่งอยู่ Finneas ก็จะมาอุดรูช่องโหว่นั้นเเละทำให้มันกลายเป็นเพลงที่สมบูรณ์ พวกเราต่างเข้าใจกันเเละกันเเละรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร” Billie กล่าว

“ฉันไม่อยากให้ผู้ฟังฟังเพลงของฉันเเล้วคิดว่าฉันกำลังหมายถึงใคร เเต่อยากให้ฟังเเล้วคิดถึงว่าตัวเองเป็นใครในเพลงนี้” Billie กล่าว ซึ่ง Finneas ก็เห็นด้วยเช่นกัน “เมื่อฉันฟังเพลงรัก ฉันไม่ได้มานั่งคิดว่านักร้องหมายถึงใครเเต่ฉันคิดถึงคนที่ฉันรักต่างหาก เเละนั่นคือสิ่งที่การฟังเพลงควรจะเป็น” 

“เพลง ‘Blue’ เป็นเพลงที่พวกเราเเต่งขึ้นตอนที่ฉันอายุ 14 เเละ Finneas อายุ 18 ซึ่งเป็นเพลงชื่อว่า ‘True Blue’ ที่พวกเราเคยร้องตอนขึ้นคอนเสิร์ตครั้งเเรกเเละตามคลับต่างๆ เเต่ไม่เคยทำให้มันเป็นเพลง Official ของเรา เเละพวกเราก็ลืมมันไปนานเเล้วจนกระทั่งมีคนเอาเพลง True Blue ปล่อยออกมา ทำให้พวกเรากลับมาสนใจเพลงนี้อีกครั้งเเละคราวนี้ก็ตั้งใจทำมันให้เสร็จ โดย Finneas ได้ปรับเปลี่ยนคอร์ดเเละฉันก็ร้องท่อนต่อจาก Born Blue ในช่วง Born Blue ซึ่งเป็นท่อนท้ายเพลงที่ดำดิ่งสู่ห้วงลึกเเละทำให้เพลงนี้จบเเบบสมบูรณ์เเบบ” 

“มันเหมือนเป็นการฟื้นคืนชีพให้กับความทรงจำต่างๆในช่วงอดีตเเละนำมารวมกันเป็นเพลงนี้” กล่าวโดย Finneas

สิ่งที่พิเศษของเพลง Blue คือจังหวะเพลงท่อนหนึ่งในเพลงนี้ (String Motif) เป็นทำนองเดียวกันกับท่อน Bridge ของ ‘The Greatest’ เเละท่อนเริ่มของเพลง ‘Skinny’ นอกจากนี้ทำนองเริ่มของเพลง ‘Blue’ ยังต่อจากช่วงท้ายของเพลง ‘Bittersuite’ เเน่นอนว่ามันเป็นการใช้ทำนองเพลงเชื่อมต่อกันได้อย่างต่อเนื่องเเละสมบูรณ์เเบบเสมือนเป็นเพลงที่มีความยาว 45 นาที ซึ่งเป็นความตั้งใจของ Finneas ที่ต้องการพาผู้ฟังย้อนกลับไปในสมัยยุคก่อนๆที่เป็นการฟังเพลงอัลบั้มอย่างตั้งใจตั้งเเต่ต้นจนจบนั่นเอง

“ไม่มีใครมานั่งตำหนิถึงความยาวที่มากเกินไปกับสิ่งที่่มันเจ๋งหรอก” Finneas กล่าวถึงเพลง Blue เเละอีกหลายๆเพลงในอัลบั้มนี้ที่มีความยาวเกือบ 6 นาที

‘CHICHIRO’ ก็เป็นอีกเพลงหนึ่งที่น่าประทับใจ ซึ่งเป็นเพลงที่ได้รับเเรงบันดาลใจมาจากเอนิเมชั่นเรื่อง Spirited Away เขียนเเละกำกับโดย Hayao Miyazaki โดยชื่อเพลงมาจากชื่อของตัวละครหลัก Chichiro เด็กสาวที่ผจญภัยไปในอีกโลกหนึ่งที่เหนือจินตนาการ ในบทเพลงจะมีเนื้อความว่า ‘Open up the door.. Can you open up the door’ เปรียบเปรยเหมือนการเปิดประตูคือการนำพาไปสู่การผจญภัยในโลกใหม่ เสมือนกับเนื้อเรื่องของ Spirited Away ยามเมื่อเด็กสาวเปิดประตู เธอจะเดินทางไปพบกับอีกโลกหนึ่งเสมอ

ก่อนจะจบคลิป Finneas ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “ถึงทุกๆคนที่กำลังดูอยู่ ผมอยากบอกว่าผมรู้สึกโล่งอกที่ตัวเองชอบอัลบั้มนี้เป็นอย่างมาก เพราะจริงๆเเล้วพวกเราหลงทางในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่พวกเราจะทำเพลงอัลบั้มนี้เสร็จ ผู้คนมักคิดว่าผลลัพธ์ที่จะออกมาดีนั้น เส้นทางในการทำก็ควรจะเป็นไปได้ด้วยดีตลอดเเต่จริงๆเเล้วมันไม่ใช่เลย ไม่มีเส้นทางไหนที่สวยหรูเสมอซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผลลัพธ์ออกมามีคุณค่า”

“พวกเราไม่มีทางรู้หรอกว่าช่วงชีวิตนั้นเป็นอย่างไรจนกว่ามันจะจบลงเเล้ว” กล่าวโดย Billie Eilish

อ่านบทความเพิ่มเติม :

ย้อนดูสัญญาณการคัมเเบคอัลบั้มใหม่อย่าง ‘HIT ME HARD AND SOFT’ ของ Billie Eilish

ปล่อยแล้ว! ตัวอย่างภาพยนตร์สารคดี ‘Billie Eilish: The World’s A Little Blurry’

Other Articles