Writer: Nannaphat Moonming
“จริงๆ ผมเป็นคนพูดไม่เก่งนะครับพี่”
รอยยิ้มเอียงอายและท่าทางเขินๆ ของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเป็นภาพที่เราไม่แปลกใจนักเมื่อได้เห็น เพราะหากใครเคยมีโอกาสได้ฟังผลงานเพลงฮิตของ MEYOU (มียู) หรือมิว-ชิษณุชา ตันติเมธ ศิลปินที่ควบตำแหน่งนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์วัย 24 ปี จากค่าย White Music ในเครือ GMM Music อย่าง ‘วันนี้ปีที่แล้ว’ ‘ภาวนา’ ‘อิจฉา’ รวมทั้ง ‘แอบบอกรัก’ เพลงที่เขามีโอกาสเขียนเนื้อร้องให้กับเพื่อนสนิทอย่างเจ้านาย-จินเจษฎ์ วรรธนะสิน ก็คงพอจะอนุมานได้ถึงตัวตนของเขาจากประสบการณ์ความรักที่มิวได้แบ่งปันเอาไว้ผ่านเนื้อเพลง
มิวเริ่มต้นเส้นทางดนตรีของตัวเองจากเวที MBO The Idol Game หน้าใหม่ พร้อมเกิด โครงการเฟ้นหาศิลปินของค่าย MBO ที่รวมวัยรุ่นมากความสามารถมาแข่งขันกันผ่านรายการเรียลิตี้เพื่อหาผู้ชนะที่จะได้เดบิวต์เป็นศิลปิน ด้วยความหลงใหลในดนตรี บวกกับความสามารถรอบด้าน ทำให้มิวคว้าแชมป์จากรายการและมีผลงานเพลง ‘ไม่คิดแค่เพื่อน’ ออกมาเป็นซิงเกิลแรก ก่อนจะเติบโตอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ปีจากผลงานเพลงที่เขาเริ่มต้นเขียนเนื้อร้องและทำดนตรีด้วยตัวเอง แบบที่เรียกได้ว่าท็อปชาร์ตประจำสัปดาห์แทบทุกคลื่นมักจะมีชื่อของ MEYOU และซิงเกิลฮิตของเขาวนเวียนอยู่ในชาร์ตตลอด
“ผมเป็นคนฟังเพลงเยอะมาตั้งแต่เด็กเพราะคุณพ่อชอบฟังเพลง แม้ว่าจะไม่ได้มีใครในบ้านเป็นนักดนตรี แต่การที่คุณพ่อฟังเพลงหลากหลายแนว ทั้งแจ๊ซ อาร์แอนด์บี ผมเลยเหมือนได้รับอิทธิพลมาด้วย ผมมีโอกาสได้เรียนกีตาร์ตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสิบขวบ ยิ่งได้เรียนได้เล่นบ่อยๆ ก็ยิ่งรู้สึกถึงความสนุกของมัน พอเริ่มโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มอยากลองเขียนเพลง เพราะผมมองว่าศิลปินที่เขียนเพลงได้ สื่อสารเรื่องราวออกมาในเพลงได้ดี มันเป็นอะไรที่ดูเท่มาก เลยเริ่มฝึกเขียนเพลงโดยมีศิลปินรุ่นพี่เก่งๆ อย่างพี่อะตอม-ชนกันต์ พี่ทอย-ธันวา (The TOYS) เป็นไอดอล
“เคยมีครูดนตรีท่านหนึ่งบอกผมว่าดนตรีเป็นสิ่งที่สนุกนะ เพราะเราสามารถเรียนรู้จากมันได้เรื่อยๆ ไม่มีทางที่เราจะเก่งที่สุด เราจะยังสามารถพัฒนาไปได้อีกเรื่อยๆ ถ้าหากขวนขวายที่จะเรียนรู้เพิ่ม หกปีในวงการเพลงของผมเลยเป็นเหมือนบทเรียนที่ทำให้ผมเติบโต สะสมประสบการณ์ชีวิตไปเรื่อยๆ ทั้งในแง่ของการทำเพลงและการไปทัวร์คอนเสิร์ต หรือเวลาอยู่บนเวที พบเจอกับแฟนๆ แต่ก็รู้สึกว่ายังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ” มิวเล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้มถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเริ่มก้าวเข้ามาในโลกแห่งเสียงเพลง
ด้วยความหลงใหลในดนตรี ชีวิตประจำวันของมิวคล้ายกับโปรดิวเซอร์หลายคนที่ยึดการทำเพลงเป็นงานอดิเรกเพียงอย่างเดียว โดยให้เหตุผลว่าความสนุกจากการเขียนเพลงก็เพียงพอจนแทบไม่ต้องหางานอดิเรกอื่น เพลงของมิวจะผสมผสานกลิ่นอายความเป็น Trap และ R&B เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างชุดเมโลดี้ที่มีความติดหู โดยส่วนใหญ่เขาจะใช้วิธีเริ่มต้นจากการทำซาวด์ดนตรีด้วยกีตาร์ ก่อนนำไปทำต่อบนโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ แล้วจึงเริ่มต้นเขียนเนื้อร้อง
“ผมเป็นคนค่อนข้างคิดมากเวลาอยู่คนเดียว การเขียนเพลงจากเรื่องราวหรือประสบการณ์ความรักในแง่มุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ทำให้เราถ่ายทอดเพลงออกมาโดยมีความขี้เหงา ขี้น้อยใจแฝงอยู่ในเพลงนิดๆ แต่ช่วงนี้ผมพยายามลองเปลี่ยนสไตล์มาทำเพลงที่เนื้อหามีความสดใสมากขึ้น เพื่อให้ฉีกไปจากเพลงเศร้าๆ ช่วงหลังเลยได้มีโอกาสเขียนเพลงที่สนุกขึ้นอย่าง ‘ทะเล’ ของเจ้าขุน-จักรภัทร วรรธนะสิน หรือ ‘เซนต์โย่ว’ เพลงสั้นๆ ที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับพี่ฮาย-ธันวา เกตุสุวรรณ วง Paper Planes
“ปีนี้ผมวางแผนจะปล่อย EP Album ชุดใหม่ครับ ปลายเดือนกุมภาพันธ์จะมีซิงเกิ้ลแรกออกมาให้ได้ฟังกันก่อน ชื่อเพลง ‘ลูกคุณหนู (Babygirl)’ เป็นเพลงที่ผมเขียนให้แฟนทั้งอัลบั้ม เลยจะมีความฟีลกู๊ด ฟังง่าย เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองเขียนเพลงเศร้ามาเยอะ อยากจะลองเปลี่ยนมาทำอะไรที่สนุกขึ้นบ้าง อัลบั้มชุดนี้เลยค่อนข้างสดใสและมีสีสันกว่า EP Album: Wednesday Child (2021) ที่เคยได้ฟังกันไปแล้ว”
นอกจากการเติบโตในฐานะศิลปินแห่งวงการเพลง เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมามิวก็เพิ่งจะฉลองวันเกิดครบรอบ 24 ปีของตัวเองไปหมาดๆ เราจึงถามเขาว่า นิยามความสุขของเขาในวัย 24 ปีคืออะไร ชายหนุ่มเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะตอบเราด้วยคำตอบที่เรียบง่ายแต่น่าประทับใจ “ความสุขของผมคือความสงบใจครับ ความสุขคือชีวิตที่ Peaceful ไม่มีเรื่อง ไม่มีปัญหาอะไร ได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารัก ครอบครัวที่เรารัก ได้ทำงานแบบที่เราชอบ ใช้ชีวิตในแต่ละวันให้เต็มที่อย่างมีคุณค่า ผมสนิทกับครอบครัวค่อนข้างมาก เราอาจจะไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยอะไรมาก แต่ครอบครัวผมอบอุ่นมากๆ เลยครับ ทั้งคุณพ่อคุณแม่คอยสนับสนุนเราในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าผมกับน้องสาวจะทำอะไร เหมือนคอยดูแลกันและกันตลอด ช่วงปีที่แล้วหลังจากผมประสบอุบัติเหตุไฟลวก คุณพ่อก็เป็นคนขับรถไปรับไปส่งไม่ว่าผมจะไปทำงานหรือทำอะไรที่ไหน เพราะเขาเป็นห่วงเราเวลาเดินทาง ผมสามารถรับรู้ได้ถึงความรักที่เขามีให้เราเสมอ
“อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนคิดมาก ผมรู้ว่าตัวเองมีจุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ทั้งเรื่องการคบเพื่อน การใช้ชีวิต พอโตขึ้นเราก็อยากจะปรับปรุงให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ คำพูด หรือความคิด ผมตั้งใจเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้ทั้งกับตัวเองและคนรอบตัว พยายามมองโลกให้โพสิทีฟขึ้น ไม่คิดลบ นั่นคือความสุขที่สุดแล้วครับสำหรับผมในวัยนี้
“ผมว่าเป็นความฝันของผู้ชายทุกคนนะ ที่อยากจะดูแลครอบครัวให้ได้ ในอนาคตผมก็อยากให้คุณพ่อคุณแม่ได้พัก อยากเป็นคนเลี้ยงดูเขา ดูแลน้องสาวด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองบ้าง อยากจะเป็นมิวที่ประสบความสำเร็จมากกว่านี้ มั่นคงกว่านี้”
ด้วยความสงสัยเราจึงถามส่งท้ายว่า การที่เพลงฮิตของเขาติดชาร์ตมากมายทั้งเพลงเศร้าและเพลงรัก มียอดผู้ชมมิวสิกวิดีโอสูงหลายสิบล้านวิว สิ่งเหล่านี้สร้างความกดดันหรือส่งผลในการสร้างสรรค์งานใหม่ๆ หรือเปล่า แล้วยังมีศิลปินคนไหนที่มิวอยากร่วมงานด้วยบ้างในอนาคต ศิลปินหนุ่มยิ้มกว้างและอธิบายให้เราฟังด้วยท่าทีสบายๆ
“ในอนาคตผมอยากร่วมงานกับพี่ทอย (The TOYS) ครับ เขาเป็นไอดอลผมมาตั้งแต่เด็ก และเป็นเหมือนครูคนแรกที่สอนผมเรื่องดนตรี สมัยเด็กๆ มีช่วงหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสไปพักอยู่บ้านเขา พี่ทอยเลยสอนผมให้ลองทำเพลง แล้วก็เป็นจุดเริ่มต้นให้เราทำเพลงมาจนถึงทุกวันนี้ ช่วงแรกเวลาปล่อยเพลงแต่ละครั้งผมกดดันมากครับ กังวลว่ามันจะดังไหม จะมีคนฟังหรือเปล่า แต่พอเริ่มโตขึ้นผมเลยลองพยายามปรับความคิดใหม่ ว่าทำเพลงแบบที่เราชอบ ให้เรามีความสุขไปกับมันดีกว่า
“แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากจะประสบความสำเร็จนะครับ ไม่ได้อินดี้ถึงขนาดที่ทำไปเรื่อยโดยไม่สนใจคนฟัง แต่พยายามทำเต็มที่ในแบบที่เป็นตัวเรา และเป็นความชอบจริงๆ ของเรา โดยไม่กดดันตัวเองเท่าเมื่อก่อนแล้วว่า ‘เพลงนี้จะต้องล้านวิวนะ’ หรืออะไรแบบนั้น” มิวปิดท้ายพร้อมรอยยิ้ม
Photographer Assistants: Chudchpong Aumponrat, Patcharapol Ketsuwanvatana
Stylist Assistants: Thitaree Trisiritanyagorn, Panithan Prasongsanti
Videographer: Thaikom Suktalordcheep
Videographer Assistant: Piyakorn Glinfuang
Producer: Angkana Wongwisetpaiboon