ย้อนกลับไปเมื่อ 26 มิถุนายน 1801 เป็นวันที่ อับราฮัม-หลุยส์ เบรเกต์ ได้รับใบจดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ของเขาที่เรียกว่า ทูร์บิญง เบรเกต์เข้าใจดีว่าการเดินของนาฬิกานั้นมีความไม่แน่นอนอันเนื่องมาจากแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้เวลาคลาดเคลื่อน เบรเกต์จึงแก้ไขด้วยการจับเอาชิ้นส่วนที่ได้รับผลกระทบ (ซึ่งก็คือบาลานซ์วีล บาลานซ์สปริง และเอสเคปเมนต์) ใส่เข้าไปในกรงที่หมุนอยู่ตลอดเวลา เป็นการชดเชยความคลาดเคลื่อน ทำให้แสดงเวลาได้อย่างแม่นยำที่สุด และลักษณะการหมุนนั้นก็เป็นที่มาของชื่อคอมพลิเคชั่นทูร์บิญง ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่าการหมุนหรือการโคจร สิ่งประดิษฐ์ของเบรเกต์นั้นยังคงได้รับการสานต่อมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งยังกลายเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของนาฬิกาชั้นสูง
ล่าสุด Breguet ได้ออกแบบผลงานใหม่ 2 รุ่นใน Classique Collection ซึ่งเป็นคอลเลกชั่นที่หลอมรวมทั้งความงดงามบริสุทธิ์และสุดยอดความประณีต ที่สะท้อนถึงจุดกำเนิดของแบรนด์ โดยมาพร้อมคอมพลิเคชั่น ทูร์บิญง
นาฬิการุ่นแรกคือ 3358BB/VD/986D0 ตัวเรือนไวท์โกลด์ตัดกับหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มที่ทำให้นึกถึงค่ำคืนที่มีแสดงดาวพราวพร่าง พื้นหน้าปัดประดับ mother-of-pearl สีมิดไนท์บลูเงางาม ตกแต่งด้วยโมทีฟรูปดาวประดับเพชร จัดวางหน้าปัดเวลาแบบ off-center พร้อมตัวเลขอารบิกและเข็มนาฬิกาทรงเบรเกต์ วงโค้งเงางาม ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาบนหน้าปัดเผยให้เห็นความงดงามของกลไก ทูร์บิญง โดยมีบาร์รูปทรงคล้ายดาวหางพาดผ่านกรง ประดับเพชรด้วยเทคนิค snow-setting พร้อมด้วยสปิเนลประดับตรงกลาง ขอบหน้าปัดและขาสายนาฬิกาประดับด้วยเพชร รวมถึงเม็ดมะยมก็ยังประดับเพชรเหลี่ยมทรง rose-cut
อีกรุ่นคือ 3358BR/8D/986D0 ตัวเรือนโรสโกลด์โอบล้อมหน้าปัดตกแต่งด้วยเพชร 281 เม็ด ที่เรียงโค้งรับกันอย่างงดงามตั้งแต่ 3 นาฬิกาไปจนถึง 9 นาฬิกา ส่วนด้านในหน้าปัดย่อยงดงามด้วยเทคนิคการฝังเพชรแบบsnow-setting ให้เพชรครอบคลุมพื้นที่ทุกอณู หน้าปัดย่อย ณ 12 นาฬิกาเป็นสีมุกธรรมชาติ ในกับโทนสี mother-of-pearl ในแบบฉบับของBreguet ตัวเลขอารบิก และเข็มนาฬิกาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ผู้ก่อตั้ง Breguet ได้รังสรรค์ขึ้น ส่วน Tourbillon ทรงรีขัดเงาซึ่งอยู่ ณ ช่องด้านล่าง ประดับด้วยบาร์ทองคำประดับเพชร 14 เม็ด กลไก Tourbillon อันน่าอัศจรรย์ยิ่งดูโดดเด่นขึ้นเมื่อรังสรรค์ขึ้นจากชิ้นส่วนในสีตัดกันอย่างเทาและชมพู ขอบหน้าปัดและขาสายนาฬิกาก็ประดับเพชรเช่นกัน รวมถึงเม็ดมะยมที่ประดับเพชรเหลี่ยมทรง rose-cut อีกด้วย
นาฬิกา Breguet ทั้งสองรุ่นใหม่ ในตัวเรือนขนาด 35 มม. ที่สามารถกันน้ำได้ 30 เมตรนั้น ขับเคลื่อนด้วย กลไกล 187 D บาลานซ์ทำงานที่ความถี่ 2.5 เฮิรตซ์ กลไกขึ้นลานด้วยมือสามารถสำรองพลังงานได้ 50 ชั่วโมง กลไกคาลิเบอร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความครบเครื่องและเที่ยงตรง ประกอบด้วยบาลานซ์สปริงแบบเฉพาะของ Breguet ทำจากสตีล พร้อมสลักชื่อ Breguet แนวโค้ง ทั้งสองรุ่นมาพร้อมสายหนังอัลลิเกเตอร์แบบเงาในสีมิดไนท์บลูสำหรับรุ่นไวท์โกลด์ และสีแดงเลือดนกสำหรับรุ่นโรสโกลด์