
Longines (ลองจินส์) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ชวนร่วมสัมผัสเรือนเวลาแห่งวิจิตรศิลป์ และความสง่างาม ในงานเปิดตัวคอลเลคชั่น “Mini DolceVita” (มินิ โดเชวิต้า) อย่างเป็นทางการครั้งแรกในเมืองไทยกับผลงานระดับมาสเตอร์พีซใหม่ล่าสุดที่สืบสายมาจากนาฬิการุ่นระดับตำนานของลองจินส์ ท่ามกลางบรรยากาศอาฟเตอร์นูนที ที่บ่งบอกถึงชีวิตที่หอมหวานแบบอิตาเลียนอันเป็นคอนเซ็ปต์ดั้งเดิมของคอลเลคชั่นจากปี 1997 ที่ยังคงดีไซน์ร่วมสมัยสำหรับผู้หญิงสมัยใหม่ผู้เปี่ยมด้วยพลัง โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก “เก้า-สุภัสสรา ธนชาต” เฟรนด์ ออฟ ลองจินส์ ประเทศไทย มาร่วมชม และสัมผัสมนต์เสน่ห์ของเรือนเวลารุ่นใหม่ล่าสุดไปพร้อมกัน ณ ร้าน House of Tango (เฮาส์ ออฟ แทงโก้)


สำหรับคอลเลคชั่น Mini DolceVita นับเป็นความภาคภูมิใจใหม่ล่าสุดของแบรนด์ลองจินส์ กับผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่สะท้อนถึงสไตล์คลาสสิกเหนือกาลเวลาในทุกรายละเอียด ตัวเรือนถูกออกแบบมาให้มีความเรียบง่ายด้วยเส้นสายที่บอบบางบริสุทธิ์ พร้อมสายรัดข้อมือสแตนเลสสตีลดีไซน์ใหม่ ที่ส่งผลให้เกิดเป็นสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกที่ทันสมัยควบคู่ไปกับความสง่างาม โดย Mini DolceVita สืบสายมาจากนาฬิการุ่นระดับตำนานของลองจินส์จากปี 1927 และคอลเลคชั่น DolceVita ดั้งเดิมจากปี 1997 อันเป็นจุดเริ่มต้นของสโลแกน “Elegance is an attitude” ที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีในปัจจุบัน และ Mini DolceVita ใหม่นี้กำลังจะสร้างเรื่องราวใหม่ให้กับยุคสมัยปัจจุบัน






แต่ละรุ่นในคอลเลคชั่น Mini DolceVita มาพร้อมตัวเรือนสแตนเลสสตีลทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 21.50 มม. x 29.00 มม. บรรจุกลไกควอตซ์ L178 ที่เที่ยงตรงสูง สามารถกันน้ำได้ในระดับ 3 บาร์ (30 เมตร) อีกหนึ่งจุดเด่นคือการประดับฝังเพชร IF-VVS Top Wesselton จำนวน 38 เม็ดที่ตัวเรือน รวมถึงหน้าปัดลายวงกลมคอสโมแบบใหม่ภายในตัวเรือนสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เพิ่มความสง่างามเป็นพิเศษเมื่อมองผ่านกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่กันรอยขีดข่วน สร้างความคอนทราสต์อย่างแนบเนียนบนหน้าปัดพื้นหลังสีเงินซันเรย์ วงกลมชั่วโมงสีขาวแมตต์ วงกลมด้านในสีเงินซันเรย์ และวงกลมหน้าปัดย่อยขนาดเล็กสีขาวแมตต์ ตกแต่งตัวเลขโรมัน และเข็มนาฬิกาบลูสตีลสีน้ำเงิน ส่งผลให้สามารถอ่านค่าเวลาบนหน้าปัดสีอ่อนได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังมาพร้อมสายรัดข้อมือสแตนเลสสตีลดีไซน์ใหม่ด้วยข้อต่อ 198 ชิ้นที่สร้างความสบายแก่ผู้สวมใส่เป็นพิเศษ และยังสร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตานอกเหนือจากเรือนคลาสสิกที่ได้กล่าวไปแล้ว นาฬิกาไฮไลท์ที่นำมาให้ชมภายในงานยังมีโมเดลใหม่ที่โดดเด่นด้วยการประดับเพชรบริเวณขอบตัวเรือน และโมเดลหน้าปัดสีเงินตกแต่งลาย flinqué ที่มีการสลักแพทเทิร์นลายเรขาคณิตบนหน้าปัดด้วยเอฟเฟ็กต์กิโยเช่ พร้อมตัวเลขโรมัน เข็มนาฬิกาบลูสตีลสีน้ำเงิน และเข็มวินาทีขนาดเล็กอยู่ในหน้าปัดย่อย ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา


