‘ประสบการณ์’ ได้กลายมาเป็นหัวใจสำคัญที่แบรนด์ลักชัวรี่ในยุคนี้ตั้งใจสรรค์สร้างเพื่อมอบให้กับลูกค้า ดังเช่นที่แฟล็กชิปบูติก St. Martin ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่ง Richard Mille เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้…อันที่จริงที่นี่เป็นมากกว่าบูติกที่ลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อนาฬิกา หากแต่เป็นเหมือนคอนเซ็ปต์สเปซแห่งแรกของแบรนด์ที่ให้ผู้มาเยือนได้เข้ามาดื่มด่ำกับจักรวาลของแบรนด์
บนพื้นที่กว่า 700 ตารางเมตรเคยเป็นร้านอาหารมาก่อน แต่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นคอนเซ็ปต์สเปซแห่งใหม่โดยทีมสถาปนิกอินเฮาส์ของ Richard Mille ซึ่งใช้เวลานานกว่า 3 ปี แรงบันดาลใจหลักของที่นี่มาจากบาร์ในยุค Prohibition ซึ่งให้ความสำคัญกับความลับและความเป็นส่วนตัวอย่างสูง ทุกพื้นที่จึงเชื่อมโยงถึงกันแต่แบ่งออกเป็นสัดส่วนตามการใช้งานต่างๆ และเช่นเดียวกับนาฬิกา Richard Mille ที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด ทุกตารางนิ้วของที่นี่ล้วนแต่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยความใส่ใจ นับตั้งแต่ดีไซน์คอนเซ็ปต์ การเลือกใช้วัสดุที่โดดเด่นทั้งสัมผัสและเท็กซ์เจอร์ ไปจนถึงงานศิลปะ และงานฝีมือต่างๆ
“St. Martin ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับปรัชญาของแบรนด์ โดยนำมาซึ่งอารมณ์ความรู้สึก และยังยกระดับศิลปะการต้อนรับอันเป็นหัวใจของ Richard Mille” อแมนดา มิลล์ แบรนด์ไดเร็กเตอร์และพาร์ตเนอร์กล่าว เช่นเดียวกับ อเล็กซองดร์ มิลล์ แบรนด์ไดเร็กเตอร์ซึ่งเป็นลูกชายของผู้ก่อตั้งแบรนด์ที่บอกว่า “สถานที่แห่งนี้ทำให้รู้สึกเหมือนได้เข้าไปในจิตใจของชายผู้มีนามว่า ริชาร์ด มิลล์…พ่อของผมมีความสนใจหลากหลายและเปิดกว้างอย่างไม่น่าเชื่อ เขาสนใจการแล่นเรือใบแบบคลาสสิก การทำอาหาร และศิลปะ ความหลงใหลมากมายของเขาแทรกซึมอยู่ในทุกมิติของแบรนด์ ไม่ว่าจะในเรื่องนาฬิกา อีเวนต์ รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่เรามีต่อมิตรสหายและพาร์ตเนอร์”
ความประหลาดใจคงเป็นคำบรรยายที่เหมาะที่สุดสำหรับสถานที่แห่งนี้ เมื่อเดินลัดเลาะไปตามทางเดินยาว และเปิดประตูหลักเข้าไปจะพบกับโถงกลางที่เรียกว่า The Hub ซึ่งเปรียบเสมือนห้องรับแขกแสนอบอุ่น ที่นี่มีชั้นทรงโค้งเรียงรายไปด้วยหนังสือศิลปะและชั้นจัดแสดงขวดไวน์ นอกจากโซฟาหรูหราและเก้าอี้ ตรงกลางห้องยังประดับผลงานของศิลปินชาวฝรั่งเศส William Amor ซึ่งเป็นต้นมะกอกที่มีใบสีเขียวทำจากขยะพลาสติกรีไซเคิล สื่อถึงตัวตนของริชาร์ด มิลล์ซึ่งเติบโตมาทางตอนใต้ของฝรั่งเศส อีกทั้งมะกอกยังเป็นสัญลักษณ์ของความอดทนและการยืนหยัดผ่านกาลเวลาด้วย
แทบจะไม่รู้เลยว่าที่นี่คือบูติกนาฬิกา หากไม่ได้เข้ามาในห้อง The Crafting Space ซึ่งมีโต๊ะทำงานของวอทช์เมกเกอร์ตั้งอยู่ ที่นี่มีวอทช์เมกเกอร์ประจำอยู่จริงๆ เราสามารถมาเรียนรู้เรื่องนาฬิกา ดูช่างทำงาน รวมถึงนำนาฬิกาอันเป็นที่รักมารับบริการเซอร์วิสได้
และเพราะการได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพเป็นสิ่งที่ทุกคนถวิลหา พื้นที่ส่วนใหญ่ของ St. Martin จึงถูกออกแบบมาเพื่อใช้รับรองแขก โดยมีทั้งโซน The Restaurant ซึ่งตกแต่งด้วยโต๊ะรูปไข่ตั้งอยู่บนพื้นเรซินที่ดูเหมือนหยก สำหรับนั่งรับประทานอาหารมื้อพิเศษร่วมกัน The Bar ซึ่งจัดไว้สำหรับนั่งดื่มชิลล์ๆ และ The Hidden Library ห้องสมุดลับซึ่งผู้ที่จะเปิดเข้าไปได้ต้องรู้รหัส The Sport’s Bar พื้นที่สำหรับแฮงก์เอาต์และพักผ่อนดูรายการกีฬาด้วยกัน และ The Riad พื้นที่เอาต์ดอร์สำหรับสัมผัสอากาศธรรมชาติแสนผ่อนคลายของสิงคโปร์
Richard Mille – St. Martin คอนเซ็ปต์สเปซแห่งใหม่ตั้งอยู่ที่ 1 St. Martin’s Drive ประเทศสิงคโปร์
