คาร์เทียร์ (Cartier) แบรนด์เครื่องประดับและนาฬิกาสัญชาติฝรั่งเศส จัดงานเฉลิมฉลองเปิดบูติก ณ ดิ เอ็มโพเรียม เผยความหรูหราแบบปารีเซียง โดยเล่าเรื่องผ่านอัตลักษณ์สำคัญของเมซงอย่าง Flora & Fauna พร้อมผสานแนวคิด The Urban Oasis นับเป็นบูติกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยพื้นที่ทั้งหมด 500 ตร.ม. และเป็นบูติกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ เพื่อตอบรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดเครื่องประดับลักชูรีในเมืองไทย
คอนเซ็ปต์ของบูติกแห่งใหม่นี้ได้รับการรังสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิด The Urban Oasis ที่สื่อถึงธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งห้อมล้อมไปด้วยความศิวิไลซ์ของเมืองใหญ่ สะท้อนถึงบรรดาตึกระฟ้าแห่งย่านสุขุมวิทและพื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองซึ่งผสานเป็นหนึ่งเดียว เติมเต็มกรุงเทพมหานครให้กลายเป็นเมืองแห่งสีสันที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์และวัฒนธรรมเฉพาะตัว
Pomme Chan ได้หยิบยกรายละเอียดของการตกแต่งบูติกแห่งใหม่ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรม หรือโทนสีทองที่เลือกใช้ซึ่งสื่อถึงท้องฟ้าของประเทศไทยยามพระอาทิตย์ขึ้นและตก โดยอาศัยบรรดาสัตว์ไอคอนิคในตำนานของเมซงอาทิ เสือแพนเตอร์ จระเข้ ยีราฟ ม้าลายและนก เป็นสื่อกลางในการเล่าเรื่อง นอกเหนือจากนั้นยังสอดแทรกบรรดาพืชพันธุ์เฉพาะถิ่นของประเทศไทยอาทิ ดอกบัว เพื่อรังสรรค์ให้สอดคล้องกับธีม Flora & Fauna
บรรยากาศที่ผ่อนคลายให้กับลูกค้าผู้มาเยี่ยมชมบูติกแต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่หรูหราและความพิเศษตามแบบฉบับของคาร์เทียร์ ประตู Façade ด้านนอกบูติกเปรียบเสมือนการบรรจบกันระหว่างการตกแต่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมไทยและเอกลักษณ์อันเด่นชัดของเมซง ซึ่งลวดลายนั้นชวนให้นึกถึงหลังคามุงจากแบบบ้านไทยเดิม ประดับด้วยผนังหินอ่อนในโทนสีทองอร่าม
เมื่อก้าวเข้าไปยังด้านในบูติก จะพบกับโซนเครื่องประดับสำหรับสุภาพสตรีซึ่งรับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมอันงดงามของวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง การตกแต่งด้วยโทนสีทอง สีเบจ และสีงาช้างช่วยสร้างบรรยากาศอันสบายตาเชื้อเชิญให้ลูกค้าคนสำคัญมาเยือนบูติกแห่งนี้ บริเวณใจกลางของบูติก เพดานได้ถูกออกแบบให้เป็นทรงโดมเพื่อสร้างบรรยากาศอันแสนพิเศษภายใต้คอนเซ็ปต์ Feminine Universeสำหรับจัดแสดงเครื่องประดับในโซนเจ้าสาว (Bridal Zone) ซึ่งการออกแบบโดยรวมภายในบูติกสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างดีไซน์ที่มาพร้อมกลิ่นอายไทยร่วมสมัยและแนวคิดตะวันตกแบบปารีเซียงได้อย่างงดงามลงตัว อีกหนึ่งไฮไลต์ของบริเวณนี้ คือผลงานศิลปะชิ้นหลักประจำบูติกสาขาประเทศไทยที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวัดอรุณราชวราราม หรือ The Temple of Dawn ที่เปรียบเสมือนฉากหลังอันตระการตาของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมาพร้อมสัตว์สัญลักษณ์ของเมซงอย่างเสือแพนเตอร์
ส่วนบริเวณเครื่องประดับสำหรับสุภาพบุรุษและยูนิเซ็กซ์ตกแต่งในสไตล์ทรอปิคัล ฉากหลังของโซนนี้ประดับประดาด้วยศิลปะมาร์ควิทรี (Marquetry) ที่ทำจากแก้ว ประดับประดาลวดลายที่สะท้อนพืชพรรณธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทย นำเสนอแนวคิด The Urban Oasis ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้คาร์เทียร์บูติก สาขาดิ เอ็มโพเรียม ยังมอบประสบการณ์การดูแลอย่างเหนือระดับด้วยห้องรับรองแขก VIP ถึง 2 ห้อง และบริเวณ Care Service ที่มอบบรรยากาศราวกับวิลล่าอันหรูหราท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของประเทศไทย
ในวันเปิดบูติกอย่างเป็นทางการ มีแขกพิเศษมาร่วมงานอย่างคับคั่ง รวมทั้ง ต่อ – ธนภพ ลีรัตนขจร ซึ่งเพิ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็น Friend of the Maison ชายคนแรกของประเทศไทย พร้อมด้วย เจฟ ซาเตอร์, ปอย ตรีชฎา, เจ้าขุน จักรภัทร, พรีม ชนิกานต์ นอกจากนี้ ภายในงาน คาร์เทียร์ยังได้เนรมิตรพื้นที่โดยรอบ จัดแสดง Art Installation พร้อมจับมือกับ Pomme Chan ศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงผู้สร้างผลงานภาพประกอบระดับโลกมาแล้วมากมาย มาร่วมรังสรรค์ประสบการณ์ดิจิทัลสุดพิเศษ (AR Experience) เนรมิตเรื่องราวของธีม “Flora and Fauna” อัตลักษณ์สำคัญของเมซงให้กลับมามีชีวิตในรูปแบบดิจิทัล