Wednesday, December 6, 2023

ความสุขในโลกมายา และเป้าหมายที่ไม่ผันแปรของนักแสดงตัวแม่ ‘แต้ว-ณฐพร’

หากคำว่า Power Woman หมายถึงสตรีที่มีความแข็งแกร่ง เก่งกาจในอาชีพการงาน สามารถก้าวผ่านอุปสรรค และมีอิทธิพลต่อผู้คน เช่นนั้นแล้ว แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ ก็คือหนึ่งในบรรดาหญิงสาวเหล่านั้น ในแวดวงละครเธอคือหนึ่งในตัวแม่ แต้วผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายครั้งในชีวิตจริง แต่ยังคงใจสู้ไม่ถอย ในวัย 34 เธอยังสนุกกับการตีความ ค้นหา และเรียนรู้เพื่อที่จะแสดงเป็นตัวละครได้อย่างสมจริง หลายเรื่องที่เคยฝากฝีมือยังตราตรึงในใจคนดู รวมไปถึงเรื่องแค้น ผลงานที่แต้วทิ้งลายเซ็นไว้เช่นเดิม และยังจะมีอีกไม่รู้จบในอนาคตข้างหน้า เพราะเธอเชื่อว่า “ถ้าเรายังสนุกกับมัน เราสามารถทำอะไรใหม่ๆ ได้ตลอด แต้วคิดว่ายังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้ แล้วก็ยังมีโอกาสดีๆ ที่รออยู่”

เชิ้ตเดรสหนังสีดำแขนยาวตกแต่งโซ่โลหะสีเงิน และรองเท้าส้นสูงสีดำตกแต่งดีเทลส้นรองเท้ารูปดอกกุหลาบ ทั้งหมดจาก LOEWE

มีคนเยอะมากที่ติดตามละครเรื่องแค้น บ้างก็พูดถึงฉากรุนแรงว่าทำเกินไป คิดอย่างไรในฐานะนักแสดง

“แต้วรู้สึกว่ามันเป็นชีวิตน่ะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ แย่กว่านี้กับชีวิตจริงๆ ก็เกิดขึ้นมาแล้ว แต่อยู่ที่ว่าสิ่งที่คนเขียนบทหรือคนเขียนบทโทรทัศน์ตั้งใจให้เป็นแบบนี้เพื่อจะนำพาไปสู่อะไร มีหลายเรื่องมากนะคะที่รุนแรงกว่านี้ แต่ว่าสุดท้ายแล้วเขามีเพื่อที่จะนำพาไปให้เห็นอะไร ฉากที่โดนวิจารณ์อาจเป็นฉากที่ใช้ความรุนแรง ซึ่งก็คือการแสดงออกถึงความอยากเอาชนะที่นอกเหนือศีลธรรมของคนคนหนึ่ง คือการแสดงความดำมืดของจิตใจคนที่ทำได้ขนาดนั้น เลยต้องออกมาแบบนั้น มันเป็นไปได้ค่ะ เขาเลือกสิ่งนี้มาเป็น symbol เพื่อจะแสดงความดำมืดที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าที่สวยงาม หรือฉากหน้าที่คนรู้สึกว่าเขาดีมากๆ”

น่าจะมีคนถามบ่อยแล้วว่าบทบาทในฝันที่อยากแสดงคืออะไร แต่คิดว่าตอนนี้อาจจะมีคำตอบใหม่

“คงบอกไม่ได้ แต่คิดว่ามันจะมี เพราะว่าบทบางบทอาจจะยังไม่พร้อมสำหรับช่วงชีวิตตอนนี้ของเรา หรือต้องผ่านอะไรมาสักพักแล้วอินกับเรื่องบางเรื่อง พอไปเจอสิ่งนั้นและรู้สึกว่าเราพร้อมแล้วล่ะที่จะทำ ก็ปล่อยให้มันเป็นโอกาสที่จะเข้ามา และใจเราที่จะเรียกหามัน แต้วคิดว่ายังมีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ แล้วก็ยังมีโอกาสดีๆ ที่รออยู่ อันนั้นคือสิ่งที่เชื่อค่ะ เราเองก็เพียงได้แต่ทำทุกโอกาสให้เต็มที่เท่าที่ทำได้ เชื่อว่าถ้าเริ่มจากความตั้งใจ และศรัทธาว่าเรายังสามารถไปต่อได้ ในแง่ของการให้อะไรใหม่ๆ กับงานของตัวเอง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะสะท้อนไปหาคนดูได้เช่นกัน

“ส่วนเป้าหมายในการแสดง แต้วรู้สึกว่าช่วงนี้เป็นยุคที่กำลังเปลี่ยนผ่านอะไรบางอย่าง เพราะคนทำโปรดักชั่นเก่งกันมาก ทุกคนกระหายที่จะทำอะไรใหม่ๆ แต้วเลยรู้สึกว่าก็ทดลองกันไป ไม่ได้มีเป้าหมายว่าจะทำจนถึงเมื่อไหร่ เพราะรู้สึกว่าเมื่อก่อนจะมีค่านิยมว่านักแสดงอายุประมาณเท่านี้ก็ expire แล้ว แต่เดี๋ยวนี้คนมองหาสิ่งใหม่ อาจจะมีบทที่ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดสดใหม่ คือต้องการเราแบบนี้แหละ สมมติแต้วอายุมากกว่านี้อาจจะไม่ได้เล่นละครแล้ว และมีคนอยากให้เล่น นั่นก็เป็นไปได้”

คอร์เซ็ตเดรสหนังไวนิลสีดำและบราผ้าซาติน ทั้งหมดจาก DOLCE & GABBANA

บนเส้นทางอาชีพนักแสดง อะไรคือสิ่งที่รู้สึกว่าคุ้มค่ากับชีวิต

“คือการได้รู้จักชีวิตมนุษย์ในแง่ของการค้นหา ถ้าเราจะเป็นตัวละครนั้น เราต้องรู้ว่าเขาโตมายังไงและผ่านอะไรมาบ้าง อารมณ์มนุษย์เป็นอะไรที่มีการค้นหาตลอดเวลา นักวิทยาศาสตร์เองยังอธิบายไม่ได้ทุกอย่าง แล้วมันตรงกับจริตเราตั้งแต่เด็ก เพราะแต้วชอบคุยกับตัวเอง ซึ่งได้คำตอบบ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็เป็นการทดลองกับชีวิตไปเรื่อยๆ น่ะค่ะ เหมือนทำให้เราได้กลับมารีเฟล็กซ์ตัวเอง ทำให้เราเห็นคุณค่าในชีวิตทุกวันด้วยค่ะ

“ในการแสดงเราต้องทำให้ตัวละครนั้นจริงที่สุด จนทุกคนรีเรตและได้อะไรบางอย่างกลับไป แต้วคิดว่าสุดท้ายการได้มีโอกาสทำงานศิลปะหรือถ่ายแฟชั่นวันนี้มันกำไรมากเลย จะมีกี่คนที่ได้ถูกบันทึกไว้แบบนี้ ยิ่งในแง่ของศิลปะ อย่างถ้าเป็นแฟชั่นก็คือตัวเรา แต่ศิลปะคือกว่าจะถ่ายได้ซีนหนึ่ง มันเกิดจากความคิดของเราที่ต้องทำการบ้านกับตัวละคร เพื่อที่จะมองให้เห็นโลกแบบที่ตัวละครเห็น แล้วมีกล้องมาถ่ายเรา ผ่านแสงดีๆ ผ่านการกำกับ ผ่านการครีเอต ถ้าเราทำให้เป็นแมจิกโมเมนต์แล้วคนบันทึกไว้ได้ สุดท้ายคนดูก็ได้รับแรงสั่นสะเทือนบางอย่างจากสิ่งที่เราถ่ายทอดไป อาจจะเห็นใจ หรือรู้สึกไม่ชอบคนแบบนี้เลย สุดท้ายก็สอนคนได้อีก ถ้าเรามีโอกาสได้อยู่ในงานที่ดีๆ มันยกระดับจิตใจคนได้นะคะ”

การเป็นบุคคลสาธารณะ คุณมีวิธีจัดการกับความเครียด หรือสิ่งเร้าที่เข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญอย่างไร

“แต้วมองว่าเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเจอ เพียงแต่ว่าคนที่เป็นนักแสดง หรือมีพื้นที่สาธารณะอาจจะมองเห็นง่าย คนเข้ามาหาง่ายหน่อยแค่นั้น คิดว่าสุดท้ายแล้วเราไม่สามารถจะเป็นในแบบดีที่สุดยังไง ไม่ว่าใครก็ตามล้วนมีแง่ลบอยู่ดี มันเปล่าประโยชน์ที่จะพยายามเปลี่ยนความคิดคน แต้วคิดว่าถ้าเรายึดมั่นในความเชื่อของเราว่ากำลังทำอะไร โดยที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร เพียงแต่ว่าต้องมีคำตอบให้กับตัวเราเอง เท่านั้นก็โอเค

“เมื่อก่อนแต้วเป็นคนที่ต้องทำให้ได้ถ้าเรื่องนั้นเราคอนโทรลได้ พออายุเพิ่มขึ้นก็ปล่อยได้มากขึ้น แต้วไม่ค่อยคาดหวังกับคนอื่นอยู่แล้ว แต่จะคาดหวังกับตัวเอง แล้วบางทีจะรู้สึกว่าสิ่งที่คาดหวัง เราเองยังคอนโทรลไม่ได้เลย ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนจะเครียด แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเราเนี่ยแหละไม่ต้องไปบี้ตัวเองมาก เพราะไม่ว่าอะไรก็ตามที่มากระทบ มันเป็นตัวเรามากกว่าที่จะขยายมันหรือปล่อยมัน”

เห็นว่าชอบออกกำลังกาย ตอนนี้สนใจอะไรอยู่บ้าง

“ที่ทำอยู่เรื่อยๆ จะเป็นบอดี้เวต เริ่มมาวงการเวตแบบไม่ใช้แค่บอดี้ค่ะ พิลาทีสก็ฝึกอยู่ เพิ่งเริ่มใหม่ก็มีโยคะกับกอล์ฟ ซึ่งพอเห็นเพื่อนๆ เล่นแล้วรู้สึกว่าเป็นอะไรที่อยากหาคำตอบว่าสนุกยังไงนะ เลยได้ไปลองเปิดใจกับมัน สนุกดี มันก็เหมือนชีวิต ได้เรียนรู้ว่าเราจะฟิตอินกับสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยทำได้หรือเปล่า มันเป็นชั่ววินาทีที่เราต้องคอนโทรลเยอะมาก มันสอนเราเหมือนกันว่า บางทีการจะทำอะไรให้มันได้ดี ไม่ใช่ว่าเราต้องคอนโทรลไปเสียทุกอย่าง แต่เหมือนเราต้องทบทวนกับมัน ตกตะกอนกับมัน แล้วก็ just let it go ทำเรื่องที่ดูเป็นฟิสิกส์ในทุกๆ วินาทีให้ออกมาเป็นแบบระเบิดแรงครั้งเดียว ท้าทายดีค่ะ เป็นเรื่องของจิตใจพอสมควร ตอนนี้ยังไม่เก่งพูดเลย ตีไม่โดนลูกด้วยซ้ำ แต่ว่าอย่างน้อยเราได้เจอหลักการบางอย่างที่เข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงหลงใหล

“บอดี้เป็นจุดประสงค์แอบแฝงนิดหนึ่งในการออกกำลังกาย แต่จุดประสงค์หลักคือเราได้รู้จักร่างกายตัวเอง อย่างเราใช้ชีวิตทำงาน เราคุยกับตัวเองก็คือได้รู้จักจิตใจ แต่ถ้าไม่ออกกำลังกายจะไม่มีทางรู้ว่าขีดจำกัดเราคืออะไร หรือมี posture ยังไง พิลาทีสทำให้เรารู้ว่าตอนนี้ฝั่งขวาออกแรงได้มากกว่าฝั่งซ้ายนะ รู้ไปถึงดีเทลกล้ามเนื้อ ทำให้อย่างน้อยเรารู้สึกแอ็กทีฟและมีพลังที่จะไปทำอย่างอื่นต่อ แต้วชอบเอเนอร์จี้ตรงนั้นของการออกกำลังกาย แต้วว่าแต่ละคนมีเวย์ของตัวเอง ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เราควรหาและหาจุดที่รู้สึกว่าเชื่อมกับมัน”

เสื้อท็อปแท็งก์ผ้าคอตตอนสีดำ และกระโปรงสั้นผ้าซิลค์ตกแต่งเฟอร์ ทั้งหมดจาก SPORTMAX รองเท้าส้นสูงผ้ากำมะหยี่สีแดงปักดิ้นทองรูปริมฝีปากตกแต่งพู่ฟรินจ์ จาก CHRISTIAN LOUBOUTIN ไบเกอร์แจ๊กเก็ตวินเทจ

คุยเรื่องแฟชั่นบ้าง ชอบแต่งตัวแนวไหน

“เละเทะไปเรื่อยค่ะ แต่ว่าพักหลังจะมีความนิ่งขึ้น ไม่ค่อยไปในทางฉูดฉาดอะไรมาก เมื่อก่อนอาจจะมีบ้าง ช่วงนี้รู้สึกว่ามาสายมินิมัลบ้างก็ได้ พอโตขึ้นจะมองที่ใจเรามากกว่าว่า comfortable แบบไหน ไม่ได้แต่งเพื่อให้คนอื่นดู แต่เป็นว่าจะไปที่ไหน และดูกาลเทศะด้วย แต้วว่าแฟชั่นคือการทดลอง พลังงานของเรามันพอดีกับอะไรก็ลองไปเรื่อยๆ เดี๋ยวแก่กว่านี้อีกสิบปีก็จะเป็นอีกแบบ หรืออาจกลับมาฉูดฉาดก็ได้”

ชื่นชมอะไรในตัวเองมากที่สุด

“ความไม่ยึดติดของตัวเอง ความพร้อมที่จะเรียนรู้ และความใจดีของตัวเอง”

เสื้อท็อปแท็งก์ผ้าคอตตอนสีดำ และกระโปรงสั้นผ้าซิลค์ตกแต่งเฟอร์ ทั้งหมดจาก SPORTMAX รองเท้าส้นสูงผ้ากำมะหยี่สีแดงปักดิ้นทองรูปริมฝีปากตกแต่งพู่ฟรินจ์ จาก CHRISTIAN LOUBOUTIN

อะไรคือความสุขของแต้ว

“คือการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความไม่คาดหวัง แฮปปี้กับการเปลี่ยนแปลงทุกๆ วันไม่ว่าจะบวกหรือลบ เพราะถ้าเรามองหาแต่สิ่งที่ทำให้แฮปปี้ตลอด มันจะผิดหวัง เพราะฉะนั้นถ้าเราเจอจุดสมดุลที่มันมีความยืดหยุ่นกับทั้งตัวเองและคนรอบข้าง โดยที่เราไม่ไปทุกข์กับมัน การหาความสงบภายในแบบนี้ แต้วว่าน่าจะเป็นความสุขของแต้วทุกวันนี้ ซึ่งแต้วพยายามจะเรียนรู้และทำให้มันเสถียรมากขึ้น”

ถ้าความสุขเต็มสิบ ปัจจุบันนี้อยู่ที่ระดับไหน

“สัก 7 แล้วกัน เดี๋ยวจะสุขเกิน ให้มันมีเพดานเอาไว้เพิ่มบ้าง”

คิดว่าชีวิตเราน่าอิจฉาไหม

“น่าอิจฉานะ แต่มันเป็นความราบเรียบนะคะ ถ้าคุณอยากมีชีวิตที่เรียบๆ นิ่งๆ ไม่มีอะไรทำเราได้…ก็น่าอิจฉาค่ะ”

Photographer: Ponpisut Pejaroen

Fashion Editor: Watcharachai Nun-ngam

Makeup: Saran Anaphon

Hairstylist: Benjaporn Kampab

Photographer Assistants: Supasit Sookawat, Manosit Boonnon

Stylist Assistants: Yawanad Plandee, Panitan Subongkot






Other Articles