CINDY CHAO The Art Jewel (ซินดี้ เชา ดิ อาร์ท เจเวล) แบรนด์อัญมณีศิลป์ระดับโลก เผยโฉมผลงานการสร้างสรรค์ชิ้นใหม่ล่าสุดในงาน Private Viewing ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 5-6 กรกฎาคม2023 ณ โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ

ในบรรดาแบรนด์จิวเวลรี่ชั้นสูงที่ก่อตั้งขึ้นในยุคของเรานั้น Cindy Chao ถือเป็นแบรนด์ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยากที่จะหาใดเปรียบ ซินดี้ เชา นักออกแบบจิวเวลรี่ชาวไต้หวันก่อตั้งแบรนด์ของเธอขึ้นเมื่อปี 2004 เธอได้รับอิทธิพลมาจากคุณตาที่เป็นสถาปนิก และพ่อที่เป็นประติมากร รวมไปถึงความหลงใหลที่เธอมีต่อศิลปะและธรรมชาติ
การที่เธอเรียกแบรนด์ของเธอว่า Cindy Chao The Art Jewel นั้นไม่เกินจริง เพราะผลงานของเธอนั้นไม่ต่างอะไรจากผลงานศิลปะ โดยส่วนใหญ่ผลิตขึ้นเดียวในโลก ใช้ทักษะฝีมือชั้นสูงในการถ่ายทอดดีไซน์ออกมาได้อย่างวิจิตรบรรจง จนผลงานหลายชิ้นได้รับเลือกให้เข้าไปอยู่ในคอลเลกชั่นถาวรของพิพิธภัณฑ์ระดับโลกหลายแห่ง ทั้ง Smithsonian National Museum of Natural History ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา, Musée des Arts Décoratifs ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และ Victoria and Albert Museum กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังเป็นผู้ออกแบบอัญมณีศิลป์ชาวจีนคนแรกที่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ด้านศิลปะและวรรณกรรมชั้นอัศวิน (Chevalier dans l’Ordre des Arts et Lettres) จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส แด่ความสำเร็จของเธอในสาขาอัญมณีศิลป์และการอุทิศตนให้กับการสืบสานมรดกตกทอดและสร้างนวัตกรรมให้กับงานหัตถศิลป์ของเครื่องประดับอัญมณี

ภายในงาน Private Viewing ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพในครั้งนี้ เราได้มีโอกาสชมคอลเลกชั่นผลงานอัญมณีที่คัดเลือกมาสำหรับงานนี้โดยเฉพาะทั้งจาก Black Label Masterpiece, White Label Collectionและ Gem Art Collection ผลงานแต่ละชิ้นล้วนสะท้อนให้เห็นถึงเทคนิคอันเชี่ยวชาญ ผสมผสานสุนทรียศิลป์ของตะวันออกร่วมสมัยเข้ากับมุมมองความงามและทักษะฝีมืออันประณีตของตะวันตกที่สืบทอดมายาวนานหลายร้อยปีเข้ากันได้อย่างลงตัว รังสรรค์เป็นผลงานอันน่าทึ่งที่มอบนิยามของเครื่องประดับอัญมณีแห่งยุคศตวรรษที่ 21 อย่างแท้จริง
ไฮไลต์สำคัญคือต่างหู Picasso’s Dream Earrings จากคอลเลกชั่น 2022 Black Label Masterpiece ได้รับแรงบันดาลใจด้านสีมาจากภาพจิตรกรรมสีน้ำมัน “Le Rêve” (ความฝัน) โดย Pablo Picasso ซึ่งเป็นภาพผู้หญิงในสไตล์ควิบิสม์แบบสองมิติ แต่ตุ้มหูคู่นี้ดูราวกับนำภาพวาดมาม้วนขดจนกลายเป็นสามมิติจนทำให้เผลอคิดถึงผลไม้ โครงสร้างคล้ายรูปทรงผลไม้ที่แบ่งสีออกเป็นสามส่วน ภายในโครงสร้างโอบอุ้มเพชรแฟนซีสีน้ำตาลเข้ม–เหลืองทรงเอเมอรัลด์คัทน้ำหนักมากกว่า 16 กะรัต ภายในช่องสามส่วนประดับประดาไปด้วยเพชร, มรกต, แซฟไฟร์, อเล็กซานไดรท์ และพลอย

ในส่วนของสร้อยคอ Emerald Ribbon Necklace จาก White Label Collection นั้น โดดเด่นด้วยโครงสร้างตัวเรือนที่ดูพลิ้วไหวราวกับริบบิ้นพันขดกัน ตรงกลางโดดเด่นด้วยมรกตโคลอมเบียสีเขียว Vivid Green ทรงคุชชั่น ขนาด 14.37 กะรัต ตัวเรือนประดับด้วยเพชร, แซฟไฟร์, แซปไฟร์สีน้ำเงินอมเทา, แซปไฟร์สีเขียวอมเทา และซาโวไรท์ โดยเฉพาะการนำเอาเพชรเทรงเอเมอรัลด์คัตมาใช้ประดับได้สร้างคอนทราสต์ให้กับผลงานชิ้นนี้




นอกจากนี้ ยังมีเข็มกลัด Hyacinth Earrings ที่ไล่เฉดสีอัญมณีได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งการออซิกไดซ์ตัวเรือนไทเทเนียมให้เป็นสีม่วงยังเพิ่มเสน่ห์ให้กับอัญมณี สร้อยคอ Ocean Necklace ที่ดูราวกับสมบัติแห่งท้องทะเล โดดเด่นด้วยการใช้มุก conch pearl หายาก รวมทั้งแหวนจาก Gem Art Collection ประดับเพชรแฟนซีเยลโลว์น้ำงาม