กองประกวด Miss International Queen 2023 (MIQ) เปิดไอเดียโชว์ชุดราตรีผ้าไหมไทยจากศูนย์ศิลปาชีพ เกาะเกิด โดย 6 ดีไซเนอร์ชั้นนำจากทุกเจนเนเรชั่นของไทย ได้แก่ Atilier Pichita, THEATRE, ASAVA, WISHARAWISH, KANAPOT และ Zomo Zomo ที่มาร่วมกันครีเอทผลงานให้แก่ผู้ครองมงกุฎปีต่างๆ จากทั่วโลก และผู้เข้าประกวด Miss International Queen™ 2023 มาร่วมเดินแฟชั่นโชว์ในงาน Thainess Fashion Show presented by Amazing Thailand ที่กองประกวดฯ ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน 2566 ณ อุทยานประวัติศาสตร์มรดกโลก วัดพระราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ปีนี้นับเป็นปีที่ 17 ของเวที Miss International Queen™ การประกวดทรานส์เจนเดอร์ระดับโลกที่มีผู้เข้าประกวดจากนานาชาติทั้งหมด 22 ประเทศ เพื่อเสริมสร้างการยอมรับและความเท่าเทียมด้านสิทธิมนุษยชนในระดับนานาชาติ โดยในปีนี้เราได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชู 5 Soft Powers ของไทย ประกอบไปด้วย Food (วัฒนธรรมการกิน), Fashion (แฟชั่นเครื่องแต่งกายแบบไทย), Film (ภาพยนตร์หรือซีรีส์), Fight (มวยไทย) และ Festival (การละเล่นในเทศกาลที่สำคัญ) โดยมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ดังนั้น การประกวดปีนี้ทางกองประกวดจึงจัดให้มีกิจกรรมการประกวดขึ้น ณ สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั้งในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทย เช่น กรุงเทพมหานคร และ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยไปทั่วโลก
แบรนด์ Atelier Pichita
โดยการประกวด Miss International Queen 2023 ได้รับความร่วมมือจาก 6 ดีไซเนอร์ระดับแนวหน้าของไทย นำโดย Atilier Pichita, THEATRE, ASAVA, WISHARAWISH, KANAPOT และ Zomo Zomo มาร่วมสร้างสรรค์ชุดให้แก่ผู้เข้าประกวด และบรรดานางงามรุ่นพี่ผู้ครองมงกุฏปีต่างๆ อาทิ ปอย-ตรีชฎา เพชรรัตน์ MIQ 2004, Kevin Balot (เควิน บาลอท) MIQ 2012, Isabella Santiago (อิซาเบลลา ซานติอาโก้) MIQ 2014, Trixie Maristela (ไทรซี มาริสเตลา) MIQ 2015, Valentina Fluchaire (วาเลนตินา ฟลูแชร์) MIQ 2020 และ Fuchsia Anne Ravena (ฟูเชีย แอนน์ ราเวนา) MIQ 2022 เพื่อเผยแพร่ความงดงามของศิลปะผ้าไทย พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกด้วย อีกทั้งยังได้การสนับสนุนจากแบรนด์รองเท้า SHU เพื่อคอมพลีตลุคของเหล่าสาวงามในค่ำคืนนี้อีกด้วย
ทางด้านของตัวแทนดีไซเนอร์ไทย นำโดย หมู – พลพัฒน์ อัศวะประภา ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้งAsavagroup 1 ใน 6 ดีไซเนอร์ที่ได้ร่วมโชว์ไอเดียชุดราตรีผ้าไหมไทยจากศูนย์ศิลปาชีพ กล่าวว่า “ได้ออกแบบและสร้างสรรค์ชุดราตรีให้กับ Miss International Queen และผู้เข้าประกวด Miss International Queen™ 2023 ซึ่งแรงบันดาลใจครั้งนี้ตั้งใจนำเสนออัตลักษณ์ความเป็นไทย และถ่ายทอดเสน่ห์ของผ้าไทยในมิติที่ทันสมัยให้คนทั่วโลกเห็น โดยเลือกใช้ผ้าไหมทอเรียบ ผ้าไหมพื้นทอลายขิดแบบ 4 เส้น มาผสมผสานกับการตัดต่อผ้า ทำให้พื้นผิวมีความมันวาวเป็นประกายเงางาม นำเสนอผ่านซิลูเอทอันเป็นซิกเนเจอร์ของ Asava อย่าง เคปเดรส ชุดราตรีเปิดไหล่ ผสมผสานการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ การใช้เทคนิคการเจาะช่อง (Slash) การจับเดรป (Draping) เพื่อสร้างสรีระที่ดูน่าดึงดูด ทักษะความเชี่ยวชาญและความประณีตในการตัดเย็บ ตลอดจนการเลือกใช้สีม่วงในเฉดต่างๆ ตั้งแต่สีม่วงเม็ดมะปรางอ่อนไปจนถึงสีม่วงเข้มที่เมื่ออยู่รวมกันจะเกิดเป็นมิติที่น่าสนใจ ออกมาเป็นชุดราตรี 5 ชุดที่มีความกลมกลืนและงดงามอย่างลงตัว
จ๋อม – ศิริชัย ทหรานนท์ ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ THEATRE พูดถึงแนวคิดของชุดราตรีทั้ง 5 ชุดว่า “ได้แนวคิดมาจากฉลองพระองค์ของสมเด็จพระพันปี เมื่อได้เข้าชมในพิพิธภัณฑ์ผ้า จึงได้แรงบันดาลใจในการทำคอลเลคชั่นนี้โดยนำผ้าไหมไทยมัดหมี่ ผ้าไหมสี่เส้น ผ้ามัดหมี่ และผ้าไหมสองเส้นพื้น โดยเลือกโทนสีดำเป็นหลัก และเสริมด้วยสีม่วงและสีชมพู และได้หยิบส่วนที่เป็นดีเทลของการประดับขนนก การรูดระบายผ้า ซึ่งการจัดวางผ้าในเทคนิคผ้ารัฟเฟิล Ruffle (ผ้ายับย่น) เพื่อให้ชุดสามารถสวมใส่ได้ในชีวิตจริง และเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ อาจจะเป็นเสื้อ Pop Shoulder หรือที่เราเรียกกันว่าแขนตุ๊กตา ใส่กับกางเกงที่เป็นขาบาน หรือชุด Evening โดนตัดทอนเอามาสวมใส่กับกางเกง เกิดเป็นลุค masculine มากขึ้น โดยชุดเน้นรูปร่างให้ดูสลิมและสูงขึ้นให้เข้ากับสรีระของผู้สวมใส่ให้มากที่สุด”
และท้ายสุด อู๋ – วิชระวิชญ์ อัครสันติสุข นักออกแบบเจ้าของแบรนด์ WISHARAWISH กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการทำชุดว่า “ได้มีโอกาสใช้ผ้าไหมและผ้าไหมมัดหมี่จากมูลนิธิศิลปะชีพฯ โดยการนำเอาผ้าไหม มาออกแบบให้เข้ากับสาวงามแต่ละท่านโดยอิงจากคาแรคเตอร์ของแต่ละสาวงาม เน้นความเรียบง่ายเพื่อโชว์ความงามของผู้เข้าประกวด และเพื่อโชว์ความสวยงามของผ้าไทย ลดทอนการตกแต่งให้มากที่สุด และเน้นไปที่การซัพพอร์ตรูปร่างหรือ Shape form ผสานกับความสวยของผ้าไทยโดดเด่น และเปล่งประกาย ส่งเสริมเรือนร่างให้สรีระงดงามมากขึ้น อีกทั้งยังมีความร่วมสมัย ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสดีที่ได้หยิบยกผ้าไหมไทยมานำเสนอให้รู้จักไปทั่วโลก”
