Wednesday, December 11, 2024

ความไม่คาดหวังในความตั้งใจของ ‘มาสุ’ พระเอกผู้ไม่เกี่ยงบทพระรอง

‘หมอหลวง’ ละครพีเรียดที่กำลังออนแอร์ทางช่อง 3 และบนเน็ตฟลิกซ์ หลายเสียงบอกว่าดูเรื่องนี้แล้วสบายใจ ซึ่งคงไม่ต่างกับนักแสดงอย่าง มาสุ จรรยางค์ดีกุล ผู้รับบท ทองแท้ หมอหนุ่มที่มีฝีมือเก่งกาจและเอาการเอางาน “ผมนึกไม่ออกเลยว่ามีวันไหนที่ไปถ่ายแล้วเครียด ซึ่งผมว่ามันดีครับ ผมเชื่อว่าบรรยากาศในกองถ่าย หรือในการทำงานนั้นๆ เป็นยังไง คนดูน่าจะสัมผัสได้ ผมว่ามันส่งต่อได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” ชายหนุ่มเล่าถึงการได้เล่นละครที่ทั้งสร้างสรรค์และฟีลกู๊ด

เขาคือ ทองแท้

“ทองแท้เป็นหมอที่สุขุม ใจดี คนรอบข้างอยู่ด้วยก็สบายใจ เป็นที่พึ่งพาได้ หมอหลวงเป็นละครเรื่องแรกที่ผมถ่ายจบแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่มีตัวร้ายเลย ดีนะครับ มันทำให้ละครฟีลกู๊ด ไม่มีอะไรมาเบรกอารมณ์ บทบาทนี้มีทั้งใกล้เคียงและไกลตัว ผมจะทัชได้ง่ายก็เรื่องครอบครัวผมที่เป็นคุณหมอกันหมด คุณพ่อ พี่สาว น้องชาย อันนี้จะทัชได้ง่าย ตัวคาแร็กเตอร์ก็แน่นอนครับ หมอปัจจุบันกับหมอโบราณจะเป็นคนละอย่าง แล้วก็ไกลตัวในแง่ของความสุขุมนุ่มลึก ตัวจริงผมเป็นแบบนี้ล่ะครับ เป็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ไม่ได้สุขุมนุ่มลึกแบบทองแท้

“ผมรู้สึกว่าบทแบบนี้เล่นแล้วมันสบาย ไม่ต้องเค้นอะไรออกมาเลย เราเข้าไปทัชมันได้เลย ตัวละครเป็นน้ำเย็น แล้วคนที่สวมบทก็คือผม เวลาไปกองเหมือนเราดื่มน้ำเย็นทุกวันน่ะครับ เพราะส่วนใหญ่คาแร็กเตอร์ที่ผมได้เล่นจะเป็นน้ำพริกครับ ได้รับแต่บทดุเดือด ดราม่า เข้มข้น ชีวิต หักหลัง แต่ทองแท้คือเป็นน้ำเย็น

“ผมชอบกองถ่ายกองนี้ ไม่มีวันไหนเลยที่เป็นการทำงาน (หัวเราะ) นี่พูดเปรียบเทียบนะครับ เขามีการทำงานที่เหมือนเล่น ผมไม่ได้หมายถึงว่าทำเล่นๆ นะครับ มันเป็นบรรยากาศของความสนุก ทุกคนมาแต่เช้าคือขำก๊าก เวลาเข้าเซ็ตก็ขำกัน ผมไม่เคยเล่นละครพีเรียดมาก่อน ตอนแรกแอบกังวลเพราะวิธีการพูดจะมีจังหวะแบบคนโบราณ แต่ผมเป็นคนพูดเร็วพอสมควร ก็พยายามพูดให้เป็นธรรมชาตินี่แหละ เน้นที่ความชัดถ้อยชัดคำ คิดแล้วก็พูด จังหวะมันเลยช้าลง

“ผมไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองเล่นเรื่องนี้แล้วจะต้องมีชื่อเสียงมาก ผมขออย่างเดียวเลยคือขอให้ละครเรตติ้งดี คนดูเยอะ เป็นที่พูดถึง จากใจเลยครับ ผมเชื่อว่าที่เหลือถ้าเราจะได้อะไรมา อันนั้นเป็นโบนัส แต่ว่าจ๊อบของเราคือทำการแสดง ถ้าคนดูดูแล้วเชื่อ ดูแล้วชอบ ดูแล้วติด คือผมทำงานสำเร็จแล้ว สำหรับเรื่องหมอหลวง ผมอยากฝากว่าแพทย์แผนไทยไม่ใช่สิ่งที่ล้มหายตายไปแล้ว แพทย์แผนไทยก็คือคุณหมอที่เห็นตามโรงพยาบาลในยุคนี้ครับ”

ผมชื่อ มาสุ 

“มาสุเป็นชื่อจริงตามใบเกิดเลยครับ เป็นภาพจำวัยเด็กมากๆ ตอนนั้นแม่อาบน้ำให้ ผมถามไปว่าทำไมถึงต้องชื่อมาสุ เพื่อนๆ ยุคผมจะชื่อณัฐพงศ์ ณัชพล ทำไมชื่อผมมันไม่ซ้ำใครเลย ด้วยความที่ไม่ซ้ำอะนะ ตอนเด็กๆ มันดูแปลกแยก เราไม่รู้สึกภูมิใจ ไม่เข้าใจคำว่ายูนีค แล้วแม่ผมก็ตอบกลับมาสั้นๆ เลยครับว่า ‘ถ้าลูกโตไป ลูกจะชอบชื่อนี้’ ผมเพิ่งมารู้สึกตอนโตว่าชอบชื่อนี้ ความหมายไม่ได้มีอะไรซับซ้อนครับ สุ แปลว่า ดี แค่นั้นเอง มาสุ = มาดี

“ผมเริ่มอาชีพเพราะความบังเอิญมากเลยครับ แล้วก็ยังมีความคลาสสิกอยู่ คือไปเดินสยามสแควร์ แล้วมีผู้จัดการดารามาบอกให้ผมไปแคสต์เป็นดีเจ ผมไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ปรากฏว่าได้ เลยเป็นดีเจแค่ช่วงสั้นๆ ครับ เพราะคลื่นปิดไป แล้วก็เป็นความบังเอิญรอบสอง ผมไปเจอพี่เบิ้ม (ผู้จัดการส่วนตัว) เขาให้มาเรียนการแสดง เหมือนเตรียมพร้อมไว้ก่อน แล้ววันหนึ่งก็ได้เข้ามาเซ็นสัญญากับช่อง ถ้าเปรียบเป็นนักเรียนก็เหมือนผมเป็นนักเรียนอนุบาลของช่อง ตั้งแต่เข้ามาผมรีเซ็ตศูนย์ โตมาพร้อมกับรุ่น แล้วก็รับบทรับเชิญก่อน ตัวสาม ตัวสอง พระรอง พระเอกก็ว่ากันไป 

“ถึงตอนนี้ผมคงอยู่ประมาณประถมปลาย (หัวเราะ) แต่ละคนก็มีเส้นทางไม่เหมือนกันครับ บางคนอาจจะมาแล้วขึ้น ม.6 ได้เลย ส่วนผมไม่ซีเรียสครับ คือเราเชื่อว่าเรามีเส้นทางของตัวเอง ตราบใดก็ตามที่เรายังเดินอยู่ วันนึงก็คงจะไปถึงเป้าหมายที่เราทำได้ ถ้าเราไม่หยุดเดินซะก่อน ซึ่งผมก็ไม่เคยหยุดเดินนะ ถามว่าผมมายด์ไหมที่เล่นเป็นพระเอกแล้วอีกเรื่องมาเป็นพระรอง ตอบจากใจเลยนะครับ ผมดูที่บท อย่างเรื่องหมอหลวง ผมอ่านแล้วรู้สึกว่าบทแบบนี้อาจจะเจอได้ครั้งเดียวในชีวิต ถึงจะเป็นพระรองก็ตาม มันคือครั้งเดียวในชีวิตที่จะได้บทดีขนาดนี้ ดีมากๆ ในองค์ประกอบรวมทุกอย่าง เพราะเวลาไปอยู่ในกองจริงๆ มันไม่มีหรอกว่านี่พระเอก นี่นางเอก นี่ตัวร้าย ทุกคนเหมือนกัน

“เสน่ห์ของการแสดงที่ชัดๆ เลยคือ โต๊ะทำงานมันไม่เคยซ้ำกันสักวัน อย่างวันนี้ผมทำงานที่ช่อง ห้องนี้อาจจะเข้ามาแค่ปีละวัน ยิ่งออกกองถ่ายยิ่งเห็นชัดเลย วันนี้อยู่ที่ออฟฟิศ พรุ่งนี้เช้าไปโผล่ป่าที่เขาใหญ่ เจ็ดปีในวงการสำหรับผมยังไม่เคยทำอะไรผิดพลาดนะครับ ถ้าเป็นเส้นทางที่เดินขึ้นบันได ผมยังไม่เคยกลิ้งล้มลงมา อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่งก็คือประสบการณ์ ถ้าเทียบกับรุ่นพี่ก็ยังไม่มากพอขนาดเขา แต่เชื่อว่าวันหนึ่งก็คงต้องพลาด ไม่มีทางครับที่ตลอดชีวิตผมจะไม่พลาด ก็แค่เตรียมใจไว้ให้พร้อมว่าถ้าวันหนึ่งพลาด ผมจะต้องรับมือให้ดีที่สุด รับการก้าวพลาดนั้นให้ได้

“อ้อ!! ผมรู้ละ ก้าวพลาดของผมที่ไม่เกี่ยวกับวงการบันเทิงนะ คือผมไม่ควรเรียนสายวิทย์ เนเจอร์ผมคือคนที่ควรเรียนสายศิลป์ ผมจะพูดก็ได้ว่าผมหาตัวเองไม่เจอในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เลยต้องไหลไปตามกระแสจังหวะ แต่ที่บ้านไม่เคยบังคับอะไรเลย สิ่งหนึ่งที่ผมรู้มาตั้งแต่เด็กก็คือผมไม่อินกับวิชาการ ผมชอบเตะบอลมาก ผมชอบเล่นกีฬา ชอบดูการ์ตูน ชอบทำทุกสิ่งที่เด็กผู้ชายชอบทำ ตอนนี้ความฝันที่ตามหา…จริงๆ มันใกล้เคียงกับฝันวัยเด็ก อาจจะไม่มีแก่นสารหรือเปล่าไม่รู้ ผมอยากมีชีวิตที่ตื่นมาแล้วใช้ชีวิตอย่างสโลว์ไลฟ์ เพื่อที่วันอาทิตย์จะได้เข้าสนามบอล ไปนั่งดูฟุตบอล แบบคนบริติชน่ะครับที่มีทีมเชียร์เป็นทีมในชนบทตัวเอง ใช้ชีวิตปกติหรือทำอะไรก็ว่าไป ขอเป็นงานเบาๆ เพื่อที่ว่าวันอาทิตย์จะได้เข้าสนามไปดูบอล

“ผมเป็นคนมีระเบียบกับพื้นที่ส่วนตัว ถ้าใครเคยเห็นห้องผม มันจะไม่เหมือนห้องผู้ชายส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เรียบร้อยขนาดจัดนิทรรศการโชว์ แต่สำหรับห้องผู้ชาย มันคือเรียบร้อยมาก อย่างเช่นรีโมต ผมต้องวางเรียง บางทีนั่งๆ อยู่อันนี้มันยาวกว่า ก็จะวางไว้อันแรก ผมว่าเป็นโรคอย่างหนึ่งนะ ทุกอย่างต้องเป็นระเบียบ ถ้าไม่เข้าที่ผมจะออกจากบ้านไม่ได้ ผมจะต้องเก็บให้เข้าที่ เพราะผมชอบฟีลลิ่งเหมือนเวลาไปโรงแรม พอกลับมาถึงแม่บ้านก็ทำห้องให้แล้ว

“ผมเป็นคนแอดเวนเจอร์มาก ชอบเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม เช่น เวคบอร์ด สโนว์บอร์ด ปั่นจักรยานระยะไกล ชอบเล่นกีฬามากขนาดที่ว่าไม่มีกีฬา ผมไม่อยู่ต่อดีกว่า มีชีวิตอยู่เพื่ออะไรถ้าไม่ได้เล่นกีฬา แล้วผมก็ให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก ทุกเย็นวันอาทิตย์จะกินข้าวพร้อมหน้ากับครอบครัว พลาดไม่ได้ ถ้าวันไหนพลาดก็คือเซ็ง เรื่องที่ผมไม่ยอมเสียคือเรื่องครอบครัว และความเป็นธรรมชาติของตัวเอง ผมเป็นคนที่ไม่ปิดบัง อย่างเรื่องคบหาใคร คือผมปกติมากๆ เพราะผมไม่ใช่เด็ก 18-19 แล้ว ส่วนเรื่องที่ต้องแลก ผมว่ามันคือเวลาครับ เวลาของการเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในวันต่อไป นักแสดงต้องดูแลร่างกาย แสดงว่าคุณต้องเข้าฟิตเนส แต่ละวันต้องมีหนึ่งชั่วโมงหรือชั่วโมงครึ่ง หรือทำการบ้านอ่านบทเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันถ่าย สมมติพรุ่งนี้มี 15 ซีนรออยู่ นั่นแปลว่าบทคุณต้องได้ มันคือความรับผิดชอบของเรา ไปถึงหน้าฉากต้องได้ อันนี้เป็นมาตรฐานของผม”

“ถ้าชีวิตเสกได้ ผมอยากเป็นนักแสดงที่เล่นแล้วคนรอดู ไม่ว่าจะอยู่ในสเตตัสไหนก็ตาม…‘ถ้ามาสุเล่น ฉันอยากดู’” – มาสุ จรรยางค์ดีกุล

 PHOTOGRAPHER: PONPISUT PEJAROEN

Other Articles