Wednesday, December 11, 2024

THI-O & TUTOR ศิลปินหนุ่มดูโอ้หน้าใหม่แห่งวงการ T-Pop กับเสน่ห์เหลือล้นแต่ลงตัว

Photos: Ponpisut Pejaroen

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ วงการเพลง T-Pop บ้านเราคึกคักอย่างมาก โดยเฉพาะการมีศิลปินหน้าใหม่ได้เดบิวต์พร้มกับนำเสนอผลงานเด่นๆ น่าฟังมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ  ไทโอ – ติวเตอร์ (THI-O & TUTOR) ศิลปินดูโอ้คู่แรกสังกัดค่าย 2 FLOW ภายใต้  Workpoint Entertainment โดยมี คริส หอวัง นั่งแท่นผู้บริหาร และ EXECUTIVE PRODUCER

หลายคนอาจจะคุ้นหน้าค่าตาสองหนุ่ม ไทโอ ทัมม (17 ปี) และติวเตอร์ วีรฤทธิ์ (16 ปี)  จากเวทีประกวดต่างๆมาบ้าง แต่ที่สร้างชื่อให้ทั้งสองมากที่สุด ก็คือการคว้าแชมป์รายการเรยลลิตี้  The TWO Duo Boy Project ที่คัดเลือกผู้สมัครที่เด่นทั้งร้อง เต้น และแร็ป มาจากทั่วประเทศเพื่อแข่งขันหาแชมป์ดูโอ เวทีนี้ทำให้ทั้งสองได้มารู้จักกันครั้งแรก จนได้แชมป์และเดบิวต์เป็นศิลปินในชื่อ THI-O & TUTOR พร้อมกับซิงเกิลแรก  Move On ที่พัฒนาต่อมาจากบทเพลงที่ทั้งสองช่วยกันแต่งสำหรับขึ้นเวทีประกวด

-ความฝันวัยเด็กคืออะไร

ไทโอ: “ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจครับ ตอนเด็กๆ ผมชอบใช้ชีวิตไปเรื่อยตามประสาเด็กเลยครับ แค่ชอบเล่นกีฬา เล่นบาส ว่ายน้ำ เล่นยิม น่าจะเคยอยากเป็นนักกีฬาด้วย จนได้มาค้นพบตัวเองในตอนหลังว่าชอบเพอร์ฟอร์มมากกว่า”

ติวเตอร์: “ตั้งแต่เด็ก ผมอยากทำงานในวงการ เพราะแสดงละครมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยอยากเป็นนักแสดง แต่พอโตขึ้น ก็เริ่มรู้สึกว่าทางดนตรีนี้มันเข้ากับเรามากกว่า”

-มีอะไรดลใจที่ทำให้รู้สึกชอบในดนตรี

ไทโอ: “อาจจะเพราะหม่าม๊าพาไปดูคอนเสิร์ตเยอะครับ เวลาที่เราเห็นคนอื่นเพอร์ฟอร์มแล้วรู้สึกว่าเท่จัง ดูเขามีความสุขด้วย แล้วพอเราได้มาลองเราก็มีความสุขเหมือนกัน แล้วตัวผมชอบบรูโน มาร์ส และจี ดรากอนมากๆ  ผมดูทุกคลิปเลย  การเป็นตัวเองของเขามันมีบางอย่างที่ดึงดูด ผมว่าเขาใช้ชีวิตได้คุ้มมากๆ” 

ติวเตอร์: “ส่วนเตอร์เป็นคนชอบฟังเพลงมากครับ โดยเฉพาะเวลาอยู่คนเดียว ชอบเปิดเพลงดังๆ ก็เลยโตมากับเสียงดนตรี แล้วตอนเด็กๆ แม่ส่งไปเรียนการแสดงซึ่งมันก็ครอบคลุมทุกอย่างทั้งแสดง ร้อง เต้น มันเหมือนค่อยพัฒนาความชอบขึ้นมา” 

-ทราบมาว่าประกวดความสามารถมาตั้งแต่เด็ก แล้วอะไรทำให้ทั้งสองคนมาประกวด THE TWO

ติวเตอร์: “เตอร์อยากมาร้องเพลงของตัวเองให้คนอื่นได้ฟัง เลยเริ่มทำเพลงของตัวเองตั้งแต่ปีสองปีที่แล้ว ทำตั้งแต่บีท เนื้อเพลง แล้วก็อัดเอง ก็เลยอยากลองให้ทุกคนได้ฟังเพลงที่เราทำเอง ก็เลยมาลองเวทีนี้ครับ” 

ไทโอ: “ผมดูรายการของ Workpoint อยู่แล้ว ตั้งแต่ The Rapper ผมว่าการได้มาประกวด THE TWO มันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีด้วย ตอนที่ได้รับคัดเลือกเข้ามา ก็เลยคิดว่าอยากลอง อยากมาหาประสบการณ์ครับ ตอนที่ผ่านออดิชั่นแรกเข้ามา ไม่ได้คาดคิดมาว่าจะชนะเลยครับ ผมว่าทุกคนก็น่าจะรู้สึกแบบนี้หหรือเปล่า  แต่พอได้ทำโชว์เรื่อยๆ และทำอกมาให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ก็เริ่มเห็นการตอบรับที่ดี ก็ทำให้รู้สึกว่า you can do it”

ติวเตอร์: “เตอร์ก็คิดเหมือนไทโอนะ คือเราจะโฟกัสแต่ละรอบให้เต็มที่ที่สุดมากกว่า ไม่เอาตำแหน่งหรือรางวัลมากดดันตัวเอง แต่อยากจะชาเลนจ์ตัวเองว่าเราต้องเก่งขึ้น เก่งขึ้นเรื่อยๆ นะ พอทำได้ มันก็ทำให้เราภูมิใจมากๆ”

-มีความทรงจำอะไรที่ประทับใจจากการประกวดในครั้งนี้ไหม 

ติวเตอร์: “สำหรับผม เป็นรอบที่โชว์อาร์ตกับพี่ซัน มันเหมือนไก้ปลดปล่อยตัวเองออกมา เพราะใช้สีทาตัวเอง วาดนั่นนี่ มันเหมือนได้ปล่อยอารมณ์ของเรา ณ ตอนนั้น มันโล่งจริๆ”

ไทโอ: “สำหรับผมมันเยอะมากเลย ถ้าในเรื่องการเพอร์ฟอร์ม ผมดใจมากที่ได้ร้องเพลงของบรูโน มาร์ส แล้วทุกรอบ ผมใส่อินพุทของตัวเองเขาไป ไม่ว่าจะเป็นการแต่งเนื้อ ทำนอง หรือการเติมแอดลิปเข้าไป ทีมงานก็ให้โอกาสเราได้ลองทำ และในระหว่างซ้อม ได้ร้องได้เล่นกีตาร์ด้วยกัน มันเป็นอะไรที่ดีมาก ผมไม่เคยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคนที่รักในสิ่งเดียวกันขนาดนี้ มันสร้างแพสชั่นให้กับเราได้มากจริงๆ” 

ติวเตอร์: “แล้วอย่างตอนที่ได้ขึ้นแสดงจริงๆ ได้เห็นคนเอ็นจอยกัน มันดีมากๆ ครับ มันเป็นสิ่งหนึ่งที่เราอยากทำมานานแล้ว ฟูลฟิลมากครับ”

-หลังประกวดเสร็จไม่นาน ทั้งสองก็ได้เดบิวต์เป็นศิลปินเต็มตัว  การที่ต้องมาเป็น THI-O & TUTOR เป็นยังไงบ้าง 

ติวเตอร์: “จริงๆ ถึงจะมารู้จักกันในรายการ  เราสองคนก็สนิทกันมากๆ คือเราเข้ากันได้ในหลายๆ เรื่อง ช่วยกันตลอด ทั้งเรื่องเต้นและร้อง เรื่องแต่งเพลงเราก็แชร์กัน”

ไทโอ: “เราซัพพอร์ตกันในทุกด้านเลยครับ อย่างตอนที่ผมนอยด์ เตอร์ก็จะตบหลังให้กำลังใจผม เราซัพพอร์ตกันในด้านร้อง เต้น การทำงาน แล้วก็เป็นเหมือนพี่น้อง เป็นครอบครัวไปแล้วครับ เพราะทั้งผมและเตอร์เองก็มีพี่น้อง”

ติวเตอร์: “ถึงเราสองคนจะแอบต่างครับ แต่มันก็จะมีจุดหนึ่งที่เราคลิกกัน ซึ่งมันก็น่าจะดีที่มันพาเราไปด้วยกันได้” 

-เพลง Move On เป็นเพลงแรกที่เพิ่งปล่อยออกมามีที่มาที่ไปอย่างไร 

ติวเตอร์: “ Move On เป็นผลงานที่ช่วยกันแต่ง คือเราอาจจะไม่ได้มีสกิลล้ำลึกอะไรมากมายขนาดนั้น แต่เราชอบดนตรี ชอบในการทำเพลง   เราแต่งเพลงนี้ด้วยกันตอนรอบมินิคอนเสิร์ต เราต้องทำโชว์ประมาณ 15 นาที เราอยากจะพรีเซ็นต์ความเป็นตัวเรา ตอนนั้นก็เลยตัดสินใจว่าแต่งเพลงใหม่เลยแล้วกัน ก็เลยได้เพลงนี้มา แต่ไม่ใช่เวอร์ชั่นไฟนอลของเพลงที่ปล่อยออกมาล่าสุดครับ” 

ไทโอ: “จริงๆ การแต่งเนื้อกับทำนองมันชาเลนจ์นะ แต่ก็ไม่ได้ยากจนเหงื่อตก แต่ถ้ายากสุดน่าจะเป็นการที่เราเป็นตัวเองสูง แล้วเราอยากได้สิ่งที่เราอยากทำจริงๆ พี่แม็กซ์ที่คอมโพสเพลงนี้ให้เราทำออกมาหลายเวอร์ชั่นมาก ก็จะมีการปรับอยู่หลายครั้ง จนออกมาเป็นเวอร์ชั่นที่เรารู้สึกว่าเป็นเรา 100 เปอร์เซ็นต์”

-ได้เรียนรู้อะไรจากการทำเพลงจริงจังเป็นครั้งแรก

 ไทโอ: “สำหรับผมคือเรื่องเวลาเลยครับ เวลาคือทุกอย่าง” 

ติวเตอร์: “เพราะเราทำหลายเพลงไปพร้อมๆ กันต้องแต่งเนื้อด้วย เลยต้องเฉลี่ยเวลาให้ทุกๆ เพลง” 

 ไทโอ: “แล้วผมว่าการหาครีเอทีฟไอเดีย หรือการแต่งเพลงมันบังคับไม่ได้ มันจะมาเองจริงๆ มันไม่ได้ง่ายเหมือนตอนที่เราแต่งเล่นๆ ชิลล์ๆ ”

ติวเตอร์: “แล้วเพลงนี้ก็อัดหลายดราฟต์อยู่ครับ แบบอารมณ์มันต้องได้จริงๆ”

-ความรู้สึกที่ได้มีเพลงของตัวเองเป็นเพลงแรก 

ติวเตอร์: “ดีใจมาก ภูมิใจมาก เพราะเป็นเพลงที่พวกเราทำเองแทบจะทั้งหมดเลย เหมือนเราได้ปล่อยเพลงที่เราชื่นชอบ และเป็นตัวเราจริงๆ”

ไทโอ: “ภูมิใจมากครับที่ทำผลงานให้คนได้ฟัง เมื่อก่อนเพื่อเคยแซวแล้วผมเคยอาย ผมขี้อายอยู่แล้ว แบบ ‘โอ๊ย ไม่ใช่ดารา’ แค่ชอบร้องเพลง แต่ตอนนี้เพื่อนๆ แซว  ผมก็ขอบคุณ  (หน้าตาแพราวพราว) ทุกวันนี้มันก็มีการเติบโตในแบบที่ผมรู้สึกภูมิใจมากขึ้นทุกวันว่าเรามาถึงตรงนี้ได้ครับ เพราะเราเวิร์กฮาร์ดและมันออกมาดี มันเลยว้าว”

จนถึงตอนนี้ เริ่มมองเส้นทางในการเป็นศิลปินอย่างจริงจังขนาดไหน 

ติวเตอร์: “ผมฝันว่าวันนึงการโกอินเตอร์นะ อยากให้คนต่างประเทศได้รู้ว่าวงการเพลง T-Pop ก็มีฟีลนี้อยู่นะ แต่ ณ ตอนนี้ ก็อยากจะขึ้นเวทีให้มากที่สุดและเพอร์ฟอร์มให้คนจอยที่สุดครับ” 

ไทโอ: “ผมก็อยากโกอินเตอร์  มันคงจะดี แต่ตอนนี้ก็อยากทำผลงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรให้ออกมาดีที่สุดครับ อยากให้ตัวเราหรือคนอื่นมองมาแล้วไม่อายใครครับ”

-แล้วมีแพสชั่นด้านอื่นไหม

ติวเตอร์:  “ตอนนี้อาจจะชอบทำเพลงมากกว่า แต่อีกสิ่งที่สนใจก็คือเรื่องหนังครับ ก็กำลังเรียนอยู่และฝึกฝนไปด้วย ซึ่งมีนก็สนุกดี แต่ตอนนี้ยังจอยกับดนตรี”

ไทโอ: “ผมมีแพสชั่นเยอะ ชอบเล่นกีฬามาก โดยเฉพาะบาสเกตบอล ผมว่ามันได้ออกกำลังและก็เต็มไปด้วยการแข่งขันซึ่งผมว่ามันเข้ากับตัวผม แล้วผมก็ชอบอาหารนะ ถือเป็นแพสชั่นได้ไหม ผมเป็นนักชิม ยกเว้นผัก แล้วอีกอย่างก็คือเกม มันผ่อนคลายสมอง จิตใจ และร่างกายดี” 

-บทเรียนหรือคำสอนที่จดจำได้ขึ้นใจ 

ติวเตอร์: “น่าจะเป็นการกระทำมากกว่า อย่างพ่อแม่ที่คอยซัพพอร์ตเราตลอดเวลามาตั้งแต่เด็ก ถ้าเราทำแบบนี้ให้กับคนอื่น ช่วยซัพพอร์ตคนอื่นได้ มันก็น่าจะดี” 

ไทโอ: “มีเพื่อนคนนึงบอกว่าถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ บางสิ่ง ถ้าไม่ทำ โอกาสมันก็คือศูนย์ ต่อให้ล้มเหลวมันก็ยังได้อะไรกลับมา แล้วอีกเรื่อง ครูสอนบาสเคยบอกผมว่า It only feels like death it can’t kill  คือบางอย่างที่เรารู้สึกกลัวที่จะทำ แต่มันฆ่าเราไม่ได้ ทำแล้วก็ไม่ตาย” 

-อยากบอกอะไรกับแฟนๆ 

ไทโอ: “ต้องขอบคุณที่สนับสนุนเราสองคนครับ ขอบคุณมอบความรักและความอบอุ่นให้เรา คือเราทำสิ่งที่ตัวเองรักลแะมีคนมารักและส่งเสริมเรา ก็ทำให้เรายิ่งอยากทำมันมากขึ้นไปอีกครับ” 

ติวเตอร์: “เหมือนกันเลยครับ เราก็เป็นเด็กคนนึงที่เข้าแข่งขันในรายการ The Two จนมีคนเริ่มติดตาม จนเราได้เดบิวต์ มีเพลงแรกเป็นของเราเอง มีคนมาชื่นชอบและให้กำลังใจ คนที่รอคอยและรักในสิ่งที่เราทำ มันเติมเต็มหัวใจได้ดีครับ” 






Other Articles