The Son ผลงานบทละครเวทีเรื่องดังของฟลอเรียน เซลเลอร์ ที่สร้างความฮือฮาทั้งในฝรั่งเศสและอังกฤษ ได้ฤกษ์ดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ พร้อมฉายแล้ว 26 มกราคมนี้
ย้อนไปตอนที่ The Son เปิดการแสดงครั้งแรกในปี 2018 ก็กลายเป็นข่าวดังเพราะเนื้อหาของละครรบกวนจิตใจผู้ชมมาก จนถึงขนาดผู้ชมไม่ยอมลุกจากที่นั่งและต้องการพูดคุยกับนักแสดงพร้อมผู้กำกับ
“ผมเขียน The Son ขึ้นมาเพราะต้องการสร้างบทสนทนาในสังคม” ฟลอเรียน เซลเลอร์ ผู้กำกับและคนเขียนบทกล่าว “บทละครเรื่องอื่นๆ ที่ผมเขียนมักจะมีโครงสร้างคล้ายกับเขาวงกต มีลูกเล่นในการเล่า แต่กับ The Son แล้ว ผมเลือกที่จะเล่าแบบตรงไปตรงมาที่สุด โยนปัญหาให้คนดูเห็น และเผชิญหน้ากับมันตรงๆ”
The Son เล่าเรื่องราวของพ่อที่ต้องรับมือกับลูกชายวัยรุ่นซึ่งมีอาการซึมเศร้าอย่างรุนแรง เขาพยายามทำทุกวิถีทาง ยอมเสียสละเวลาและความฝันของตนเองเพื่อมาแก้ปัญหาให้ลูก
ฮิวจ์ แจ็กแมน เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้ชมละครเวทีเรื่อง The Son และประทับใจมาก ทันทีที่เขาทราบว่าเซลเลอร์กำลังดัดแปลงเรื่องนี้เป็นหนัง เขาก็อีเมลเพื่อเสนอตัวเองมารับบทพ่อในเรื่องทันที “ผมคิดว่ามันเป็นบทละครที่กล้าหาญมาก และผมอยากมีส่วนร่วมในงานนี้เหลือเกิน”
เซลเลอร์อธิบายว่า “ผมทำหนังเรื่องนี้เพื่อสื่อสารกับคนดูโดยตรง ให้พวกเขาได้เห็นสิ่งที่พวกเขาหวาดกลัว สังคมเราเมินเฉยกับปัญหาซึมเศร้าด้วยความไม่รู้ เราอับอาย เราหวั่นใจที่จะพูดถึงมัน แต่การแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับผมคือการยอมรับความจริง”
ทั้งนี้เซลเลอร์ไม่ได้เขียนบทละครอย่างไร้ความรับผิดชอบ เขาปรึกษานักจิตวิทยาหลายคน หาข้อมูลอย่างหนัก ก่อนลงมือเขียน “ผมไม่ได้ต้องการนำเสนอความเจ็บปวดของคนเป็นพ่อแม่ แต่ผมต้องการจะบอกว่า บางทีความรักอย่างเดียวอาจจะยังไม่พอ และจุดที่น่าสนใจสำหรับผมก็คือ มีบางครั้งที่พ่อแม่รู้สึกว่าตนเองกลายเป็นคนหมดสิ้นพละกำลัง และจนตรอกที่จะแก้ปัญหา”
เซลเลอร์ทิ้งท้ายว่าเขาอยากให้ทุกคนมาดู The Son ไม่ว่าดูแล้วจะรู้สึกอย่างไรกับมันก็ตาม “ผมคิดว่าเวลามนุษย์เราเจอกับปัญหาหนักๆ เราจะรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ตามลำพัง แต่งานศิลปะจะช่วยให้มนุษย์เข้าใจได้ว่าเราไม่ได้อยู่ตามลำพัง แม้ในยามที่สิ้นหวังที่สุดก็ตาม”
The Son ฉบับภาพยนตร์ยังคงสร้างความฮือฮาเช่นเดิม นักวิจารณ์แบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน ทั้งคนที่รู้สึกว่าหนังรุนแรงเกินไป และอีกฝั่งที่ชื่นชมความกล้าหาญของหนังที่ไม่ประนีประนอมกับผู้ชม เตรียมพร้อมจ่อคิวเข้าฉาย 26 มกราคมนี้เป็นต้นไป ที่โรงภาพยนตร์ House สามย่านแห่งเดียวเท่านั้น