Sunday, September 15, 2024

ซูมชัด! ลายปักบนชุดเดรส Meshmuseum ของแพทริเซีย กู๊ด

แสงแฟลชทำงานแข่งกับความเปล่งประกายของเจ้าสาวแสนสวย แพทริเซีย ธัญชนก กู๊ด ขณะสวมชุดเดรสระบายสองชั้นแบบเกาะอก คล้องแขนมากับโน้ต-วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์ เพื่อนั่งแถลงข่าวอย่างสนุกสนานและเป็นธรรมชาติกับบรรดาสื่อมวลชน หลังจากพิธีหมั้นอย่างอบอุ่นภายในครอบครัวเสร็จสิ้นลง

ชุดนี้เป็นฝีมือออกแบบของใหม่-พลัฏฐ์ พลาฎิ ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ Meshmuseum “แพทบอกพี่ใหม่ว่าอยากได้ชุดเปิดไหล่ แค่นั้นเลยค่ะ ที่เหลือแพทไม่ซี จะยังไงก็ได้” แพทริเซีย ธัญชนก กู๊ด เล่าถึงจุดเริ่มของชุดเดรสสวยงามสะดุดตา พลิ้วเบา

“พี่ใหม่ไปเวิร์กมาประมาณหนึ่งถึงสองอาทิตย์ แล้วก็ได้สเก็ตช์มาประมาณห้ารูป ห้ารูปคือห้าแบบจริงๆ ค่ะ บอกตามตรงว่าเลือกยากมาก จนแพทบอกว่าพี่ใหม่ชอบอันไหนมากที่สุด แพทเอาอันนั้นแหละ แล้วพี่ใหม่ก็เลือกเป็นชุดปาดไหล่ที่เป็นกระโปรงสองชั้นแบบเลเยอร์ พี่ใหม่บอกว่าไม่ค่อยเห็นใครกล้าใส่กระโปรงแบบนี้ เพราะมันค่อนข้างดูเป็นแฟชั่น แล้วอีกอย่างคือ ถ้ารูปร่างไม่สูง ใส่แล้วอาจจะดูตลก หรือผิดสัดส่วน เอาจริงแพทไม่เคยคิดว่าจะใส่กระโปรงสองชั้น แต่ก็ไว้ใจพี่ใหม่เต็มที่ คิดว่าไหนๆ สักครั้งในชีวิตก็อยากลองใส่อะไรที่แปลกใหม่บ้าง เลยลงตัวเป็นชุดนี้ค่ะ”

ส่วนคุณใหม่พูดถึงที่มาของไอเดียชุดเจ้าสาวว่า “ชุดนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของเสื้อผ้ายุค 1930s ซึ่งเป็นยุคที่เสื้อผ้าผู้หญิงมีความเป็นเฟมินีนสูง เนื้อผ้าที่ใช้จะมีความบางเบา สำหรับชุดน้อง เราใช้ผ้าตาข่าย หรือผ้าทูลล์ รูปทรงของชุดเป็นเกาะอก กระโปรงบานสองชั้น เราใช้ symbolic ลายปักเป็นนกนางแอ่น ซึ่งในความหมายเชิงสัญลักษณ์และจิตวิญญาณ นกเป็นตัวแทนของอิสรภาพแน่นอน แต่นกนางแอ่นถือเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความภักดี ความศรัทธา และความซื่อสัตย์” 

“บนชุดนี้มีนกทั้งหมด 60 ตัว เราดีไซน์รูปทรงของนกให้มีความเป็นกราฟิก มีความโมเดิร์น โดยลดทอนดีเทลของความเป็นนก ชุดนี้เป็นสีออฟไวท์ ตัวนกเป็นสีครีม นกแบ่งเป็นสองฝูง ฝูงหนึ่งอยู่ตรงกระโปรงด้านบน อีกฝูงอยู่ตรงกระโปรงด้านล่าง เนื่องจากเป็นชุดแถลงข่าว เลยไม่ได้อยากให้รู้สึกว่าดูใหญ่โตจนเกินไป อยากให้ใส่แล้วดูรีแลกซ์ ดูเป็นตัวน้องมากที่สุด ผมพยายามจะไม่เปลี่ยนเขาให้เป็นคนอื่น”

“ตอนที่เห็นแพท ผมนึกถึงคำแรกคือ ‘feminine’ กับอีกคำหนึ่ง ‘youth’ คือความเยาว์ สองคำนี้ต้องมาคู่กันสำหรับน้องแพท ความเยาว์นั้นสามารถถ่ายทอดออกมาในเชิงของความรีแลกซ์ ความแคชวล คือไม่ว่าชุดจะหรูหราแค่ไหนก็ตาม แต่เวลาใส่ออกมาแล้วจะต้องดูเบาสบาย ดูรีแลกซ์ เป็นตัวของตัวเอง สังเกตตอนที่แพทลองวันนั้น น้องใส่แล้วรู้สึกว่าเขาเป็นตัวเองนะ เพราะนางไม่ยอมถอดชุด ใส่เดินหมุนไปหมุนมา เพราะเขารู้สึกว่าเป็นตัวเขา”

“เจ้าสาวทุกคนที่เดินเข้ามาที่ร้าน เราต้องดึงคาแร็กเตอร์เขาออกมาให้ได้ บางคนก็คาแร็กเตอร์ค่อนข้างชัดมาก พอชัดมาก การทำงานก็จะง่าย แต่บางคนคาแร็กเตอร์ไม่ชัด เราต้องดึงจุดเด่นหรือความชอบส่วนตัวของเขาออกมาให้มากที่สุด และด้วยความที่เราเป็นดีไซเนอร์แบรนด์ เราพยายามจะ push เจ้าสาวให้ไปไกลนิดหนึ่งจากที่เขาคุ้นเคย หรือบางคนที่มีความขบถอยู่ในตัว เจ้าสาวกลุ่มนี้เราพยายามใส่ลูกเล่นเข้าไป พยายาม push เขาให้ไปมากกว่าเจ้าสาวปกติที่เราเคยเห็นกัน”

“ถ้าจะให้นิยามลายเซ็นของ Meshmuseum ผมว่ามันไม่สามารถถ่ายทอดหรือถอดรหัสออกมาเป็นคำพูดได้นะ แต่ผมเชื่อว่าการเดินทางของเราตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้งแบรนด์จนถึงวันนี้ เจ้าสาวที่เดินเข้ามาหาเราเขาดูออก การที่เขาเดินมาหาเพื่อที่จะให้เราครีเอตบางอย่างให้ ซิกเนเจอร์มันจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว แล้วซิกเนเจอร์พวกนี้เจ้าสาวมองก็รู้ว่าเป็นของ Meshmuseum”

Photographers: Ponpisut Pejaroen, Thanut Treamchanchuchai

Other Articles