แฟนๆ น้ำหอมที่เจาะตลาด Niche ย่อมรู้จักนำหอมจากแบรนด์ Le Labo ซึ่งก่อตั้งโดย Edouard Roschi และ Fabrice Penot ตั้งแต่เมื่อปี 2006 โดยมีห้องแล็บเล็กๆ ตั้งบนถนน Elizabeth Street ในนิวยอร์ก ด้วยแนวคิด แนวกลิ่น และสุนทรียศาสตร์เฉพาะตัว ทำให้ Le Labo โดดเด่นไม่เหมือนใคร

หนึ่งในคอลเลกชั่นจาก Le Labo ที่ครองใจคนรักน้ำหอมมากที่สุดก็ต้องยกให้กับคอลเลกชั่น City Exclusives ซึ่งแต่ละกลิ่นได้แรงบันดาลใจมาจากเมืองต่างๆ รอบโลก เช่น Tabac 28 ซึ่งเป็นน้ำหอมกลิ่นเมืองไมอามี Gaiac 10 ตัวแทนเมืองโตเกียว Valille 44 สะท้อนภาพเมืองปารีส Mousse de Chene 30 สื่อถึงเมืองอัมสเตอร์ดัม Musc 25 เมืองลอสแองเจลิส Tubereuse 40 เป็นต้น
และสิ่งที่ทำให้ทุกคนอยากได้เป็นพิเศษก็เพราะน้ำหอมแต่กลิ่นอันเป็นตัวแทนแต่ละเมืองจะมีวางจำหน่ายเฉพาะแค่ช็อปของ Le Labo ในเมืองนั้นๆ ทำให้มีแต่นักเดินทางเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ครอบครองกลิ่นหอมเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนกันยายน ทางแบรนด์จะเปิดขายน้ำหอมกลิ่นต่างๆ จาก City Exclusives ทั่วโลกเพื่อให้คนจากสถานที่ต่างๆ ได้มีโอกาสได้สัมผัสกับกลิ่นหอมสุดพิเศษเหล่านั้นโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังเมืองนั้นๆ




สำหรับประเทศไทย น้ำหอมกลิ่นไลน์ City Exclusives ของ Le Labo จะมีขายแค่ที่ King Power รางน้ำ และ King Power Duty Free สนามบินสุวรรณภูมิฝั่งขาออกนอกประเทศเท่านั้น โดยจะเน้น 7 กลิ่นหลัก ทั้ง Cedrat 37 ตัวแทนเบอร์ลิน, Citron 28 ตัวแทนโซล, Gaiac 10 ตัวแทนโตเกียว, Mousse de Chene 30 ตัวแทนอัมสเตอร์ดัม, Musc 25 ตัวแทนลอสแอนเจลิส, Tabac 28 ตัวแทนไมอามี และ Vanille 44 ตัวแทนปารีส