หากกล่าวถึงแบรนด์ Chanel ก็คงไม่มีใครในที่นี้ไม่รู้จัก ด้วยเอกลักษณ์ที่สง่างามและแข็งแกร่งไปพร้อมๆกัน สัญลักษณ์ “CC” คือสิ่งที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝันที่จะได้ครอบครองไอเทมสักอย่างจากแบรนด์ที่เต็มไปด้วยความขลังนี้ แต่รู้หรือไม่ว่า Chanel เป็นมากกว่าแบรนด์ที่ขายดีไซน์และแนวคิดผ่านไอเทมต่างๆ ของพวกเขาเพราะว่า Chanel นั้นเต็มไปด้วยมรดกที่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ได้ทำการปฏิวัติและทิ้งไว้ให้แก่ผู้หญิงทุกคน วันนี้ ลอฟฟีเซียล จะพาทุกท่านมาย้อนดูมรดกที่ Gabrielle “Coco” Chanel ได้ทิ้งไว้ให้แก่พวกเราเนื่องในโอกาสวันเกิดของเธอในวันนี้
Gabrielle “Coco” Chanel เป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในศตวรรษที่ 1920s ในยุคนั้น Coco Chanel ถือว่าก้าวไปไกลกว่าดีไซเนอร์คนอื่นๆ อย่างมาก ถ้าพูดถึงเรื่องฝีมือของเธอนั้น เธอได้ผ่านการฝึกฝนจนกลายมาเป็นหนึ่งในตัวท็อปของวงการ แต่สิ่งที่ทำให้ Coco นั้นโดดเด่นที่สุดก็คงไม่พ้นเรื่องของแนวคิดที่ก้าวหน้าของเธอ สิ่งๆ นี้จึงทำให้เธอถูกนับว่าเป็นบุกเบิกโลกแห่งแฟชั่นที่ไร้เพศ (Andrgynous) โดยที่เธอได้สร้างรูปแบบการแต่งตัวของผู้หญิงแบบใหม่ซึ่งได้ช่วยให้ผู้หญิงในสมัยนั้นหลุดพ้นจากคอร์เซ็ท (corset) และลูกไม้จีบด้วยการนำเสนอเสื้อเชิ้ตและกางเกงขาบานแทน
“ไม่มีอะไรสวยงามไปกว่าความอิสระบนร่างกาย”
การออกแบบของเธอนั้นสอดคล้องกับ quote นี้ที่เธอมักจะพูดอยู่บ่อยๆ Identity ของ Chanel นั้นมีความลื่นไหลด้วยดีไซน์ของ Coco ที่หลวม อีกทั้ง Coco ยังต้องการให้ผู้หญิงรู้สึกสบายใจและมีความสุขในทุกครั้งที่ได้หยิบเสื้อผ้าของเธอมาใส่ เธออยากให้ผู้หญิงทุกคนได้ “หายใจ” จากกฎระเบียบที่สังคมในตอนนั้นได้ตั้งไว้ให้แก่ผู้หญิงอย่างล้นหลาม หนึ่งในผลงานของ Coco คือ ชุดเดรสสีดำตัวเล็กของเธอที่เธออยากให้ผู้สวมใส่นั้นเคลื่อนไหวและหายใจในเสื้อผ้าของเธอ เช่นเดียวกับที่ผู้ชายสามารถทำได้ในเสื้อผ้าของพวกเขา งานของเธอเป็นรูปแบบของการปลดปล่อยผู้หญิงในหลาย ๆ ด้าน
Women’s Trousers
Coco Chanel ไม่ได้เป็นผู้ประดิษฐ์กางเกงผู้หญิง เพราะสิ่งๆ นี้ได้เข้าไปในตู้เสื้อผ้าของพวกเธอแล้วในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อผู้หญิงต้องเริ่มทำงานแทนผู้ชายที่ต้องออกรบ Coco เป็นหนึ่งในคนที่ชอบสวมใส่กางเกงมากๆ เธอมักจะยืมกางเกงมาจากคู่รักของเธอมาใส่ และในปี 1918 เธอก็เริ่มสวมหนึ่งในดีไซน์ของเธอ “กางเกงขาสั้นชายหาด (Beach Pants)” ในขณะที่ไปพักผ่อน ณ French Riveria โดยเธอได้แรงบันดาลใจมาจากกางเกงขากว้างทรงตรงของทหารเรือ เธอมักจะนำมาจับคู่กับเสื้อเชิ้ตโอเวอร์ไซส์หรือเสื้อแขนกุด ต่อมาในช่วงกลางปี 1920 สิ่งๆนี้ ได้กลายมาเป็นสินค้าหลักในหมู่สตรีผู้มั่งคั่งและผู้สะสมผลงานของ Coco Chanel
Chanel Breton Tops
ชาวประมงฝรั่งเศสส่วนมากมักจะนิยมสวมเสื้อ “เบรอตง (Breton Tops)” ซึ่งเป็นเสื้อสเวตเตอร์ลายทางที่ทำจากขนสัตว์ซึ่งถูกถักไว้อย่างแน่นหนาเพื่อปกป้องพวกเขาจากสภาพอากาศต่างๆ มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 อย่างไรก็ตาม Coco Chanel เนี่ยแหละที่เป็นผู้หยิบสิ่งๆ นี้ให้เป็นแฟชั่น สเวตเตอร์ลายทางเวอร์ชั่นของ Chanel ได้ไปปรากฏตัวในบูติกของเธอในรีสอร์ท ณ เมือง Deauville, Normandy ในปี 1910 ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในหมู่ผู้หญิงที่มองหาความสบายตัวทั้งในและนอกชายหาดในไม่ช้าก็พบลายทางเบรอตงบนหน้าปกนิตยสารของทั้งอังกฤษและอเมริกัน แม้กระทั่งในปัจจุบันคุณมีโอกาสที่จะมีบางอย่างในตู้เสื้อผ้าของคุณ
Faux Pearls and Accessories
ในช่วงต้นทศวรรษของ 1930s Coco Chanel นั้นได้ร่วมมือกับนักอัญมณีชาวอิตาลี ‘Duke Fulco de Verdura’ เพื่อสร้างสิ่งที่จะกลายเป็นกุญแจมือ Maltese Cross อันเป็นสัญลักษณ์ของเธอ ซึ่งประดับด้วยหินที่มีหลากสี และในช่วงปลายทศวรรษนั้น เธอได้ออกแบบสร้อยคออันเป็นเอกลักษณ์ มากมายซึ่งหนึ่งในนั้นคือสร้อยคอมุกปลอม ซึ่งในสมัยนั้นเป็นสิ่งที่ใหม่มาก! Coco Chanel ได้ชาแนลสวมใส่สร้อยคอมุกปลอมของเธอนั้นอย่างภาคภูมิใจ และเทรนด์ก็ถือกำเนิดขึ้น
“ผู้หญิงควรผสมของปลอมกับของจริงให้เป็น จุดประสงค์ของเครื่องประดับไม่ใช่เพื่อทำให้ผู้หญิงดูรวย แต่เพื่อประดับเธอ มันไม่ใช่สิ่งเดียวกันต้องแยกแยะนะ”
The Chanel Suit
ชุดชาแนลสีดำนี้แหละที่เป็นตัวเปลี่ยนเกม เพราะมันไม่ได้ถูกดีไซน์มาเพื่อแค่แฟชั่นเท่านั้น แต่มันถูกดีไซน์มาเพื่อเป็นการปลดปล่อยผู้หญิง! Coco Chanel ได้ทำการเปิดตัวชุดแรกของเธอในปี 1920 โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสื้อผ้าสุภาพบุรุษและชุดกีฬา รวมถึงชุดสูทของคนรักของเธอในตอนนั้นซึ่งก็คือ Duke of Westminster
Coco Chanel ต้องการปลดปล่อยผู้หญิงจากชุดรัดตัวและกระโปรงยาวที่มีข้อจำกัดในทศวรรษที่ผ่านมา เธอจึงประดิษฐ์กระโปรงทรงเพรียวและแจ็กเก็ตแบบไม่มีปกที่ทำจากผ้าทวีด ซึ่งเป็นผ้าที่ถือว่าดูไม่สุภาพอย่างเห็นได้ชัด (ในสมัยนั้น) ดีไซน์ของชุดสูทนี้มีความทันสมัยและมีความแมนเล็กน้อย ซึ่งถือว่าเหมาะสำหรับสตรีในยุคหลังสงครามโลกมากๆ เพราะพวกเธอเริ่มออกมาทำงานกันมากขึ้น ความนิยมนี้ยังคงดำเนินต่อไปตลอดจนหลายปีที่ผ่านมา และยังคงปรากฏตัวอยู่ในคอลเลกชั่นจาก Chanel ในปัจจุบัน รวมถึงไปคอลเลกชั่นของ Karl Lagerfeld
Chanel No.5 Perfume
Coco Chanel เปิดตัวน้ำหอมหมายเลข 5 ของเธอในปี 1921 ซึ่งมีตำนานเล่าไว้ว่าหนึ่งปีก่อน เธอได้ท้า ‘เออร์เนสต์ โบซ์’ นักปรุงน้ำหอมชาวฝรั่งเศส-รัสเซีย เพื่อให้เขาสร้างกลิ่นที่จะทำให้ผู้สวมใส่ “มีกลิ่นเหมือนผู้หญิง ที่ไม่ใช่กลิ่นกุหลาบ ” ผลที่ได้คือกลิ่นที่ทำมาจากส่วนผสมจากธรรมชาติมากกว่า 80 ชนิดซึ่ง โบซ์ ได้นำเสนอตัวอย่างน้ำหอมหลายชุดให้เธอเลือก และแน่นอนว่าเธอได้เลือก “เบอร์ห้า” น้ำหอม Chanel No.5 ได้ล้มล้างแนวคิดเรื่องน้ำหอมในฐานะสัญลักษณ์ของชนชั้นสูงในสังคม และผลักดันแนวคิดที่ว่าผู้หญิงสามารถเป็นได้หลายสิ่ง: ธรรมชาติ ยั่วยุ และบริสุทธิ์
“นี่คือสิ่งที่ฉันรอคอย” ชาแนลกล่าวในภายหลัง “น้ำหอมที่ไม่เหมือนใคร น้ำหอมผู้หญิง กลิ่นผู้หญิง”
นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในแผนการตลาดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแฟชั่น ด้วยการใส่ชื่อของเธอไว้อย่างชัดเจนบนทุกขวด Coco Chanel ได้เชื่อมโยงตัวเธอให้เข้ากับเอกลักษณ์ของแบรนด์ Chanel ในทุกอณูเลยจริงๆ
The Chanel 2.55 Bag
หนึ่งในกระเป๋าชาแนลที่โดดเด่นที่สุดตลอดกาล คือรุ่น ‘2.55’ ซึ่งได้ทำการล้มล้างกฎเกณฑ์ทั้งหมดเมื่อเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1955 (จึงเป็นที่มาของชื่อ) กระเป๋าใบนี้ถือว่าเป็นกระเป๋าสายสะพายไหล่ใบแรกๆ ในตลาดสำหรับผู้หญิงเลยก็ว่าได้ เพราะว่าก่อนหน้านี้มีแต่คลัตช์ (clutch) ซะส่วนมากซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องถือด้วยมือ การดัดแปลงที่แปลกใหม่จาก Coco Chanel ได้มอบอิสระใหม่ให้กับผู้หญิง และได้เปลี่ยนวิธีการออกแบบกระเป๋าของผู้หญิงไปตลอดกาล นักวิจารณ์แฟชั่นในสมัยนั้นหลายท่านถือว่า 2.55 ไม่สมเหตุสมผล แต่ใช้งานได้จริง เพราะในทางปฏิบัติ คือ สายโซ่สามารถรวบขึ้นเป็นสองเส้นหรือจะแกว่งจากไหล่ข้างหนึ่งได้ อีกทั้งยังมีกระเป๋าแบบมีฝาปิดด้านนอกซึ่งออกแบบมาเพื่อเก็บเงินสด และกระเป๋าตรงกลางมีรูปทรงที่เหมาะสำหรับใส่ลิปสติก รวมไปถึงยังสร้างซิกเนเจอร์ของ Chanel ซึ่งก็คือสีเบอร์กันดีเข้มที่ใช้ซับภายในกระเป๋า และควิลท์ที่เย็บเป็นรูปเพชร ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเสื้อแจ็คเก็ตที่ผู้ชายสวมใส่ในการแข่งขันกีฬา