
ภายในงานแสดงนาฬิกา Watches and Wonders 2022 ซึ่งจัดขึ้นที่เจนีวา Vacheron Constantin (วาเชอรง กงสต็องแตง) แบรนด์นาฬิกาชั้นสูงเก่าแก่ได้นำเสนอผลงานโดดเด่นหลากรุ่น ซึ่งรวมถึงผลงานร่วมสมัยสำหรับสาวๆ ในคอลเลกชั่น Traditionnelle และ Patrimony โดยแต่ละรุ่นล้วนแต่เป็นภาพสะท้อนธีมประจำปีของเมซง ที่มีชื่อว่า “กายวิภาคแห่งความงาม” หรือ “The Anatomy of Beauty®” ซึ่งทุกองค์ประกอบล้วนได้รับความใส่ใจจนกลายเป็นความงามอันเป็นแบบฉบับของเมซง
ผลงานใหม่ล่าสุดนี้ยังคงสืบสานขนบของเมซงในการสร้างสรรค์นาฬิกาสำหรับผู้หญิงที่ดำเนินมาอย่างยาวนานนับสองศตวรรษ ตั้งแต่นาฬิกาพกสมัยศตวรรษที่ 18 เรื่อยมาจนถึงยุคนาฬิกาข้อมือซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดความงามและเทรนด์แฟชั่นในยุคนั้นๆ และขึ้นชื่อในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน และกลไกสลับซับซ้อนด้วย


ผลงานแรกอยู่ในคอลเลกชั่นที่มีชื่อว่า Traditionnelle ซึ่งเป็นคอลเลกชั่นที่ได้แรงบันดาลใจมาจากมรดกการสร้างสรรค์นาฬิกา และตั้งใจให้ดีไซน์โค้ดสามารถประยุกต์เข้ากับนาฬิกาได้ทุกแบบ โดยผลงานใหม่ประจำปีนี้มีชื่อว่า Traditionnelle perpetual calendar ultra-thin เหมาะสำหรับผู้หญิงที่หลงใหลในกลไกคอมพลิเคชั่นสลับซับซ้อน

จุดเด่นของนาฬิการุ่นนี้คือกลไกปฏิทินถาวรหรือ perpetual calendar แสดงวัน วันที่ เดือน รวมถึงปีอธิกสุรทิน (ปีที่เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน) โดยไม่จำเป็นต้องปรับตั้งค่าใหม่ใดๆ จนกว่าจะถึงปี ค.ศ. 2100 และยังมีฟังก์ชั่นมูนเฟส ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาด้วย กลไกอินเฮาส์ 1120 QP นี้ยังบางเพียง 4.05 มม. บรรจุอยู่ในตัวเรือนที่หนาเพียง 8.43 มม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 36.5 มม. สะท้อนความเชี่ยวชาญของเมซงในการผลิตกลไกขนาดบางหรือ ultra-thin ซึ่งทุบสถิติความบางมาแล้วหลายครั้งนับตั้งแต่ยุค 1950s อีกทั้งชิ้นส่วนต่างๆ ยังได้รับการขัดแต่งเก็บรายละเอียดอย่างประณีตงดงามสมกับเป็นเรือนเวลาชั้นสูงที่ได้มาตรฐาน Hallmark of Geneva โดยเฉพาะโรเตอร์ทองตกแต่งด้วยลวดลาย Côtes de Genève และฉลุแบบโอเพินเวิร์กเป็นลายกางเขนมอลทีส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำเมซง
Traditionnelle perpetual calendar ultra-thin มีให้เลือกสองรุ่น คือรุ่นตัวเรือนไวท์โกลด์ หน้าปัดประดับมาเธอออฟเพิร์ลสีฟ้างามตา และรุ่นตัวเรือนพิงก์โกลด์ หน้าปัดประดับมาเธอร์ออฟเพิร์ลสีขาวละมุน ดิสก์มูนเฟสเป็นเฉดสีเดียวกันกับหน้าปัด ส่วนภาพดวงจันทร์และดวงดาวเลือกใช้เฉดสีทองแบบเดียวกับตัวเรือน อีกทั้งขอบตัวเรือนและขาตัวเรือนด้านบนยังประดับด้วยเพชรกลม 76 เม็ด ส่วนเม็ดมะยมประดับเพชรกลมหนึ่งเม็ด และที่ขาดไม่ได้ คือสายสายรัดข้อมือหนังจระเข้ซึ่งเป็นครั้งแรกที่คอลเลกชั่นนี้ใช้สายแบบ interchangeable strap สามารถถอดเปลี่ยนได้อย่างง่ายดายด้วยการกดปุ่มด้านหลัง
ผลงานที่สองอยู่ในคอลเลกชั่น Patrimony ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 โดยนำแรงบันดาลใจจากนาฬิกาตัวเรือนกลมบางคลาสสิกสง่างามของเมซงในปี 1957 เน้นเส้นสายเรียบง่ายดังเช้นผลงานใหม่ที่ชื่อ Patrimony self-winding นาฬิกาตัวเรือนกลมมินิมัลที่ได้รับการสร้างสรรค์ในสัดส่วนที่ลงตัว




เห็นเรียบง่ายแบบนี้ แต่ทุกๆ รายละเอียดล้วนได้รับความใส่ใจเป็นพิเศษ ดังเช่น พื้นหน้าปัดของ Patrimony self-winding ที่ออกแบบให้มีความนูนขึ้นเล็กน้อย โดยมีเข็มทรงใบไม้เคลื่อนผ่านไปตามความโค้งของพื้นหน้าปัดซึ่งไล่เฉดแบบเกเดียนต์ โดยรุ่นเวอร์ชั่นไวท์โกลด์ หน้าปัดจะเป็นสีน้ำเงินเข้ม และพิงก์โกลด์ หน้าปัดเป็นสีบลัชพิงก์ ส่วนดิสก์วันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกาเป็นเฉดสีเดียวกับหน้าปัด และยังแบ่งเป็นรุ่นประดับเพชรกลม 72 เม็ดบนขอบตัวเรือน และรุ่นประดับเพชร 48 เม็ดเฉพาะบนหมุดนาที ระหว่างหลักชั่วโมงทองแบบแอพพลายด์ซึ่งมีความซับซ้อนเนื่องจากพื้นผิวมีความโค้ง


นาฬิกาทั้ง 4 รุ่นนี้ทำงานด้วยกลไกอินเฮาส์ 2450 Q6/3 ขับเคลื่อนการแสดงชั่วโมง นาที และวินาทีกลางหน้าปัด และวันที่ที่ช่องหน้าต่าง ละก็เช่นเดียวกับตัวเรือน แต่ละชิ้นส่วนของกลไกได้รับการตกแต่งอย่างประณีตตามมาตรฐาน Hallmark of Geneva และยังมาพร้อมสายรัดข้อมือหนังจระเข้แบบถอดเปลี่ยนได้ในเฉดสีไนต์บลูและชมพูเบจผสานเทคนิคฟินิชชิ่งแบบซาติน บ่งบอกถึงความประณีตละเอียดอ่อนในทุกรายละเอียดซึ่งหัวใจของ Vacheron Constantin
