‘The Desperate Hour ฝ่าวิกฤต วิ่งหนีตาย’ หนึ่งในภาพยนตร์ที่น่าจับตา แสดงโดย นาโอมิ วัตส์ ผู้สวมบทบาทแม่ที่ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือลูกชายที่ติดอยู่ในสถานการณ์เหตุกราดยิงที่โรงเรียน ความน่าสนใจของภาพยนตร์คือการเล่นกับเรื่องของเวลาแบบเรียลไทม์! สิ่งที่คุณเห็นบนจอ เรื่องราว 84 นาทีที่ช่วยเหลือลูกจะตรงกับความยาวของภาพยนตร์จริงๆ แปลว่าคุณจะลุ้นแบบนาทีต่อนาทีไปพร้อมตัวละคร แถมยังลุ้นไปกับข้อจำกัดที่เธอต้องห้ามหยุดวิ่ง และมีโทรศัพท์แค่เครื่องเดียวเท่านั้นที่เป็นตัวช่วย!
ก่อนจะได้ไปลุ้นขั้นสุดกับ The Desperate Hour ฝ่าวิกฤต วิ่งหนีตาย มาวอร์มร่างกายรอด้วย 10 เรื่องราวสุดพีคของภาพยนตร์เรื่องนี้ไปพร้อมกัน
1 การันตีคุณภาพ! เปิดตัวรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลหนัง โตรอนโต้ TIFF 2021
สนุกจริง ลุ้นจริง เสียงจากผู้ชมจริง และนักวิจารณ์ เพราะเรื่อง The Desperate Hour การันตีคุณภาพด้วยการได้รับเลือกให้ฉายในเทศกาลหนังโตรอนโต้ TIFF 2021 ในคอลัมน์ภาพยนตร์และการแสดงที่ต้องดู! โดย EW Entertainment แล้วแบบนี้แฟนๆ ชาวไทยจะพลาดได้ไง
2 เพราะนี่คือ ‘นาโอมิ วัตส์’ ทุกบทบาทคือความท้าทาย
นาโอมิพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าเธอคือนักแสดงที่ทุ่มเท “บทบาทครั้งนี้ทำให้ฉันเหนื่อยทั้งร่างกายและจิตใจ ฉันทำเตรียมตัวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเทรนร่างกายสำหรับฉากวิ่งอย่างต่อเนื่อง และทำความเข้าใจตีความบทคุณแม่ที่พยายามทำทุกวิถีทาง ให้ลูกชายปลอดภัย” นาโอมิ วัตส์ กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์กับ HeyUGuys
3 เธอเกิดมาเพื่อบทนี้
แจ้งเกิดมาแล้วกับบทภาพยนตร์ระทึกขวัญแนวจิตวิทยาของเดวิด ลินช์ Mulholland Drive (2001) และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์จากบทนักข่าวสาวใน The Ring และบทคุณแม่สุดแกร่งใน The Impossible ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอคือนักแสดงเจ้าบทบาท “เรารู้ว่ามันเป็นเรื่องราวที่ท้าทาย และยากในการเล่าเรื่อง เรารู้สึกขอบคุณมากที่นาโอมิก็เชื่อในเรื่องนี้เช่นกัน” ผู้สร้าง The Desperate Hour แซค ชิลเลอร์ และแอนดรูว์ คอร์คิน
4 ถ้าคุณคือแฟน Salt ไม่ควรพลาดเรื่องนี้
ผู้กำกับ ‘ฟิลลิป นอยซ์’ โดดเด่นมาก ผู้ชมและนักวิจารณ์มากมายกล่าวถึงเขาในฐานะปรมาจารย์ภาพยนตร์ระทึกขวัญ เขาประสบความสำเร็จมานับไม่ถ้วน ตัวอย่างเช่นภาพยนตร์สายลับ Salt ที่แสดงโดย แองเจลินา โจลี ซึ่งครั้งนี้เขากลับมาหยิบเอาเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกชายมาเล่า ภายใต้เงื่อนไขเรื่องระยะทาง เมื่อลูกตกอยู่ในอันตราย แต่ตนเองอยู่ไกลออกไปหลายไมล์ สิ่งเดียวที่เชื่อมเธอกับลูกไว้คือโทรศัพท์! ทุกวินาทีคือเส้นตาย ลุ้นทุกวินาทีจนลืมหายใจ
5 ทุ่มเทเทรนร่างกายหลายเดือน!
พลังการแสดงของนาโอมินั้นถ่ายทอดออกมาได้สุดยอดมากๆ โดยเฉพาะเบื้องหลังการถ่ายทำที่ต้องบอกว่าที่สุดของการทุ่มเท เพราะเธอต้องวิ่งเป็นเวลาหลายชั่วโมง และแบกอุปกรณ์หนักๆ พร้อมกัน จนผู้กำกับออกปากชมว่า “ฉันคิดว่านาโอมิ วัตส์ ยอดเยี่ยมมากในภาพยนตร์เรื่องนี้ เธอแข็งแกร่ง และถ่ายทอดความสิ้นหวังของตัวละครออกมาได้ดีมาก เธอผลักดันตัวเองทั้งทางร่างกายและจิตใจจนถึงที่สุดในบทบาทนี้”
6 ความเป็นหนึ่งเดียวกันของชุมชน
เมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้น เราจะหวังพึ่งใครได้บ้าง ผู้กำกับต้องการจะสื่อให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนในชุมชนขณะที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพราะสิ่งเดียวที่จะเชื่อมเธอเข้ากับลูกชายคือโทรศัพท์ ต้องขอบอกว่าเป็นอะไรที่ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมได้แน่นอน หลายๆ ครั้งที่เกิดเหตุไม่คาดฝันก็จะมีผู้คนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเสมอ
7 พลังของคนเป็นแม่
เราเคยเห็นนาโอมิในบทคุณแม่มาแล้วใน The Impossible บทนั้นทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อรางวัลออสการ์ ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม! นาโอมิ วัตส์ จะมาทำให้เราทึ่งไปกับพลังของเอมี คาร์ แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ได้ยินข่าวกราดยิงขณะจ็อกกิ้งอยู่ในป่าที่ห่างไกล ลึกเข้าไปเป็นไมล์ ความระทึก กระวนกระวายใจ ลูกของเธอจะปลอดภัยหรือไม่ พลาดไม่ได้แน่นอน
8 การร่วมงานครั้งแรกที่น่าประทับใจ
มันไม่ง่ายเลยในการเฟ้นหานักแสดงหน้าใหม่ในช่วงนี้ “เด็กคนนี้มีบางสิ่งที่ดิบและไม่ธรรมดา คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเด็กคนนี้จะนำอะไรมาบ้าง มันคือการค้นพบเสมอ เขาวิเศษมาก” นาโอมิ วัตส์พูดถึงการร่วมงานกับโคลตัน ก็อบโบ
9 การถ่ายทำอย่างยากลำบากในช่วงโควิด
การทำงานในช่วงโควิดเปรียบเสมือนฝันร้ายของกองภาพยนตร์ แต่ฟิลลิป นอยซ์ ผ่านมาได้อย่างสวยงาม เขาเผยว่า“จนถึงวันนี้ฉันยังไม่เคยพบฟิล ไอส์เลอร์ คนทำดนตรีประกอบของฉันเลย ทักษะของเขามันเหลือเชื่อ!”
10 นาโอมิร่วมแคมเปญเพื่อควบคุมกฎหมายการใช้ปืน
หลายครั้งที่มีข่าวกราดยิงในโรงเรียน พ่อแม่ทุกคนต้องอยู่อย่างหวาดกลัว นาโอมิ วัตส์อ่านบทและตัดสินใจได้ในทันทีว่า “ฉันจะต้องเล่นเรื่องนี้!” เธอมองว่าตนเองเหมือนพ่อแม่ทุกคนในประเทศนี้ที่อ่านข่าวและใช้ชีวิตด้วยความหวาดผวา เราพยายามที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อกฎหมายปืน
เพราะทุกวินาทีที่เวลาเดินไปข้างหน้า คือการเดินทางของความตายที่กำลังเข้าใกล้ลูกชายของเธอ ชมภาพยนตร์ระทึกขวัญเรียลไทม์ The Desperate Hour ฝ่าวิกฤต วิ่งหนีตาย พร้อมกันในโรงภาพยนตร์ 10 มีนาคมนี้