พบกับวิสัยน์ทัศน์ใหม่แห่งอาาณจักรกลิ่นหอมของห้องเสื้อระดับตำนานอย่าง Dior
สำหรับใครที่เป็นคนรักน้ำหอมอย่างเป็นชีวิตจิตใจ ชื่อของ Francis Kurkdjian นั้นคงจะเป็นชื่อที่คุ้นหูกันอยู่แล้ว ในฐานะสุคนธกรและผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ MAISON FRANCIS KURKDJIAN แบรนด์ Niche Perfume ที่โด่งดัง และในปีนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวของเขาในวงการน้ำหอม กับบทบาทใหม่ที่เขาจะได้แสดงวิสัยทัศน์เรื่องความหอมของเขาได้อย่างไร้ที่สิ้นสุด กับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ประจำแผนกน้ำหอม ของ Parfums Christian Dior
ด้วยพรสวรรค์อันแก่กล้าเกินตัว ส่งผลให้ฟรานซิสสร้างชื่อจนเป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจความงามระดับสากลด้วยวัยเพียง 25 ปีจากผลงานการออกแบบ LE MALE น้ำหอมสำหรับผู้ชายกลิ่นแรกของแบรนด์ JEAN-PAUL GAULTIER ความสำเร็จอันล้นหลามจากน้ำหอมกลิ่นนี้ ปูเส้นทางยาวไกลให้เขาก้าวเดินรุดหน้าอย่างไม่หยุดยั้งในฐานะศิลปินไฟแรง และ ‘สุคนธกร’ หรือนักปรุงน้ำหอมผู้เปี่ยมทักษะความชำนาญเหนือชั้น เขายังมอบคำจำกัดความใหม่ของน้ำหอมด้วยแบบฉบับเฉพาะตัว รวมถึงการเปิดบูติกรับปรุงน้ำหอมตามสั่ง หรือน้ำหอมเฉพาะบุคคล (BESPOKE FRAGRANCE ATELIER) ขึ้นเมื่อปี 2001
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นฝีมือของเขาในน้ำหอมของดิออร์ โดยเขาเคยฝากผลงานอย่าง EAU NOIRE และ COLOGNE BLANCHE กลิ่นหอมในคอลเลกชั่น LA COLLECTION PRIVÉE CHRISTIAN DIOR ไว้เป็นที่เรียบร้อย
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มาร่วมงานกับ PARFUMS CHRISTIAN DIOR สถาบันความงามซึ่งมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน เต็มไปด้วยเหตุการณ์ และเรื่องราวมากมายจนกลายเป็นมรดกตกทอด สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างไม่มีวันหมดสิ้น เหนืออื่นใดก็คือจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ที่พร้อมเผชิญหน้ากับอนาคต ผมยินดีมากที่จะได้ร่วมแบ่งปันมุมมอง และวิสัยทัศน์ของผมผ่านการสร้างสรรค์น้ำหอมกลิ่นต่างๆ…” ฟรานซิสกล่าวเมื่อได้รับตำแหน่งใหม่ในครั้งนี้
มุมมองกว้างไกลกับวิสัยทัศน์นวัตกรรมของฟรานซิส เคิร์คฌิอัง นำไปสู่การขยายขอบเขตความเป็นไปได้นานับประการกับการออกแบบน้ำหอมและใช้ประโยชน์จากน้ำหอม เขานำมิติแห่งศิลปะมาใช้ในการสร้างสรรค์น้ำหอม รวมถึงการร่วมงานกับศิลปินผู้โด่งดังจากสาขาต่างๆ การเดินทางสายสุนทรียศิลป์อันต่อเนื่องของเขา ยังนำไปสู่ผลงานแห่งความสดใหม่ อย่างเช่นงานออกแบบศิลปะจัดวางโดยใช้กลิ่นหอม รวมถึงการปรุงน้ำหอมสำหรับจัดนิทรรศการแสง-สี-เสียงอันเลื่องชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความตระการตาของนิทรรศการแสง-สี-เสียง และกลิ่น ซึ่งจัดขึ้นที่กรองด์-ปาเลส์ (GRAND PALAIS) และการติดตั้งกลไกยิงน้ำหอมขึ้นมาแทนน้ำพุในอ่างน้ำพุแห่งพระราชวังแวรซายส์ โบราณสถานอันทรงเอกลักษณ์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับ HOUSE OF DIOR มาอย่างยาวนาน
ฟรานซิส เคิร์คฌิอังจะเข้ามาสานต่อการทำงานของฟรองซัวส์ เดอมาชี ผู้ดำรงตำแหน่งนักสร้างสรรค์และผู้ปรุงน้ำหอมของดิออร์มาตั้งแต่ปี 2006 ที่ฝากผลงานอันน่าตราตรึงใจให้กับโลกของกลิ่นหอมประจำดิออร์ ผ่านการสร้างสรรค์อันละเอียดอ่อนและใส่ใจ ตีความกลิ่นหอมในตำนานอย่าง J’ADORE และ MISS DIOR ออกมาได้อย่างน่าประทับใจ มาเป็นจุดเริ่มต้นการรังสรรค์ความสดใหม่ พร้อมกันนั้น เขายังออกค้นหาเส้นทางสายใหม่ในโลกแห่งความหอมในส่วนของ LA COLLECTION PRIVÉE CHRISTIAN DIOR รวมไปถึงความสำเร็จอย่างสูงสุดของเขาอย่าง SAUVAGE
ฟรานซิส เคิร์คฌิอังนั้นจะดำรงตำแหน่งใหม่ใน Parfums Christian Dior ไปพร้อมๆ กับการเป็นสุคนธกรและผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ Maison Francis Kurkdjian โดยเราบอกได้ตามตรงว่าเราตื่นเต้นและอดใจรอไม่ไหวที่จะได้ทดลองกลิ่นหอมของดิออร์ที่ถูกกลั่นกรองผ่านมุมมองของเขาแล้วล่ะ แล้วมาติดตามกันว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร
Black & White portrait photographed by Julia Noni for Parfums Christian Dior
Products photos courtesy of Dior