6 กลิ่นหอม 6 คาแรคเตอร์ที่แตกต่างให้อารมณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าคุณจะเลือกเอาไว้ใช้เอง หรือเอาไว้ให้คนรู้ใจก็ได้เช่นกัน
ในปัจจุบัน เรื่องของน้ำหอมนั้นเป็นสิ่งที่ไม่จำกัดเพศ แต่เน้นที่อารมณ์และคาแรคเตอร์ของผู้ใช้เป็นหลักเเทนเสียมากกว่า เราจึงได้เห็นผู้หญิงใช้น้ำหอมกลิ่นเข้ม หรือผู้ชายใช้น้ำหอมกลิ่นหวานอยู่ทั่วไป วันนี้ในคอลัมน์ Scent Sensation เราขอเปลี่ยนจากการพูดถึงน้ำหอมจากส่วนผสมหลักกันซักนิด และมาพูดถึงคาแรคเตอร์ของโทนกลิ่นกันบ้าง ซึ่งเราก็ขอพาคุณไปรู้จักกลิ่นแนวเท่ๆ ให้คุณเอาไว้ใช้ตัดเลี่ยน หรือสำหรับลุคที่เปลี่ยนไปในบางวัน หรือจะเอาไว้เป็นลิสต์ของขวัญให้กับคนรู้ใจก็ได้เช่นกัน

Sauvage Elixir จาก Dior
การเดินทางครั้งใหม่กับความเข้มข้นอีกขั้นในรูปแบบ ‘เอเล็กเซียร์’ (Elixir) ของน้ำหอมรุ่นดังอย่าง Sauvage ด้วยหัวใจของกลิ่นของลาเวนเดอร์จากชุมชนนีย็องส์ ห้อมล้อมด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศกระบวนการสกัดอุณหภูมิต่ำเพื่อถนอมกลิ่นไอที่เผ็ดร้อนไม่ว่าจะเป็นอบเชย (Cinnamon) และจันทน์เทศ (Nutmeg) และกระวาน (Cardamom) พร้อมมอบความฉ่ำชื่นด้วยส่วนผสมอย่าง แกรปฟรุ๊ต (Grapefruit) และพิมเสน (Patchuoli) ปะปนมากับกลิ่น ‘หญ้าแห้ง’ หรือ ‘ฟาง’ เจือกรุ่นไอหอมหวานแบบวานิลลา ให้กลิ่นที่คมชันยิ่งขึ้น

Bleu de Chanel All-Over Spray จาก CHANEL
เป็นอีกหนึ่งน้ำหอมกลิ่นเท่ที่หลายคนเป็นเจ้าของ อย่าง Bleu de Chanel ที่มาในโทนกลิ่นแบบอะโรมาติควู้ดดี้ แต่ในครั้งนี้ เราขอแนะนำเวอร์ชั่นที่สดชื่นขึ้นมากว่าเดิม อย่าง All-Over Spray ที่เติมความกระปรี้กระเปร่าให้กับกลิ่นดั้งเดิม ด้วยคกลิ่นซิตรัสจากเกรปฟรุต (Grapefruit) ที่ถูกเสริมให้เด่นยิ่งขึ้นด้วยกลิ่นหอมของมิ้นต์ (Mint) และลาเวนเดอร์ (Lavender) ผสมกลมกลืนไปกับกลิ่นวู้ดดี้บางๆ ของดรายซีดาร์ที่ทั้งสดใสและตราตรึง ในขวดน้ำหนักเบาพกพาง่าย เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับวันสบายๆ หรือทริปพักผ่อนวันหยุดชิลๆ

Oud Wood จาก Tom Ford
สำหรับกลิ่นนี้มากับคาแรคเตอร์ความเท่แบบสุขุมนุ่มลึก Oud Wood เป็นหนึ่งในกลิ่นดั้งเดิมที่ขายดีที่สุดจาก Private Blend ที่มอบความรู้สึกอันเปรียบเสมือนเป็นการเดินทางเพื่อแสวงหาสัมผัสที่เย้ายวนของกลิ่นไม้กฤษณา (Oud) และความหอมจากส่วนผสมของพรรณไม้แปลกตาและเครื่องเทศในดินแดนลึกลับ กลิ่นองค์ประกอบพื้นฐานอันเป็นเอกลักษณ์ล้วนสื่อถึงความหรูหราล้ำค่าจากวัตถุดิบที่หายากจากแถบตะวันออกกลาง ทั้งกลิ่นเข้มข้นของไม้กฤษณา (Oud) ผสานกับน้ำมันดินของไม้เบิร์ชรมควัน และดอกซิสทัส (Cistus heart) ให้ความรู้สึกถึงกรุ่นควันของธูปหอมอบอวล ช่วยเสริมสัมผัสของน้ำหอมให้ลึกลับและแรงยิ่งขึ้น พร้อมกลิ่นหอมของไม้แซนเดิล (Sandalwood) และ Patchouli Absolute ถูกนำมาใช้เช่นเดียวกับ Cedarwood Atlas ที่สร้างสัมผัสความหอมล้ำลึกเกินห้ามใจ

Defy จาก Calvin Klein
กลิ่นหอมโทนสดชื่นและมีชีวิตชีวาใหม่จาก Calvin Klein อย่าง Defy มาในรูปแบบความสดชื่นของ Eau de Toilette สะท้อนภาพของผู้ชายในยุคปัจจุบันที่กล้าจะแตกต่าง เปิดด้วยการผสมผสานของซิตรัส (Citrus) ที่ชวนหลงใหล จากมะกรูด (Bergamot) และ ลาเวนเดอร์ (Lavender) ที่มอบความสดชื่นและเพิ่มความเร้าใจด้วยส่วนประกอบสำคัญของน้ำหอมจากน้ำมันเวทิเวอร์ (Vetiver Oil) จากประเทศเฮติที่ส่งมอบโทนกลิ่นความมีชีวิตชีวาของดินป่าไม้ธรรมชาติและสัมผัสที่มิอาจต้านทานได้ผสานเข้ากับกลิ่นอันหอมหวนและแสนเย้ายวนของอำพัน (Amber)

Phantom จาก Paco Rabanne
Phantom คงจะเป็นกลิ่นหอมที่มีความล้ำมากที่สุดในลิสต์นี้ เริ่มตั้งแต่ดีไซน์ขวดรูปหุ่นยนต์สีเงินเมทัลลิค มาในกลิ่นสไตล์สดชื่นแต่น่าหลงใหล เปิดสัมผัสด้วยความสดชื่นของเลม่อน (Lemon) น้ำมันผิวเลม่อนจากประเทศอิตาลี และกลิ่นของน้ำมันลาเวนเดอร์ (Lavender Oil) ผสมผสานกันกับกลิ่นแอปเปิ้ล (Apple) และพิเมเสนจากอินโดนีเซีย (Indonesian Patchouli) รวมถึงกลิ่นจากผืนดินและกลิ่นควันที่เพิ่มมิติชวนน่าค้นหา จบด้วยกลิ่นสุดท้ายอย่างกลิ่นอบอุ่นจากวานิลลา (Vanilla) และ หญ้าแฝก (Vetiver) พร้อมปิดท้ายด้วยความล้ำของเทคโนโลยีอย่างการฝัง NFC chip ไว้ในฝาสเปรย์ รวมถึงการใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง (A.I.) ของ IFF ในการสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ของนักปรุงน้ำหอมและการสำรวจที่ล้ำสมัย โดยพวกเขาจะป้อนสูตรที่พวกเขากำลังดำเนินการอยู่ และแนะนำขั้นตอนการผสมผสานที่ล้ำสมัยหรือปริมาณที่จะเพิ่มผลทางอารมณ์ที่ต้องการให้เข้มข้นขึ้น

Fusion D’Issey Extrême จาก Issey Miyake
ด้วยแรงบรรดาลใจจากความร้อนแรงผสานกับความเย็นและน่าค้นหาของการปะทุตัวของภูเขาไฟใต้ท้องทะเล Fusion D’Issey Extrême น้ำหอมที่มีความเข้มข้มแบบใหม่จึงถือกำเนิดขึ้น ภายในขวดสีน้ำเงินพร้อมฝาปิดสีดำดีไซน์แข็งแกร่ง บรรจุโทนกลิ่นที่สดชื่นแต่ก็ยังคงลุ่มลึกและเย้ายวน เปิดตัวด้วยกลิ่นโทนซิตรัสอย่าง เอสเซนส์มะกรูด (Bergamot Essence) พร้อกลิ่นเย็นจากกระวาน (Cardamom) และขิง (Ginger) ก่อนพาเข้าสู่กลิ่นหลักที่เริ่มต้นด้วย เปปเปอร์มินต์ (Peppermint) ผสานกับกลิ่นของมะพร้าว (Coconut) ก่อนจะถูกขับเน้นความเย็นของกลิ่นจากลาเวนเดอร์ไฮบริด (Lavender Hybrid) และปิดท้ายด้วยความเย้ายวนจาก แซนเดิลวู้ด (Sandlewood) และ พิมเสน (Patchouli) สร้างสมดุลของความร้อนแรงของแม็กม่าจากภูเขาไฟและน้ำทะเลอันเยือกเย็นได้อย่างลงตัว
Photos courtesy of the brands