เย้ายวน สง่างาม เปี่ยมไปด้วยความเป็นผู้หญิง น้ำหอมโทนดอกไม้ขาวที่ใครๆ ก็หลงรัก
ใครที่ชอบน้ำหอมในโทนฟลอรัล เราเชื่อว่าคุณคงรู้จักกับโน๊ตหอมหวานอย่าง Tuberose (ทูเบอร์โรส) หรือดอกซ่อนกลิ่น ดอกไม้ที่สุดแสนจะเย้ายวนแน่นอน กลิ่นของไวท์ฟลอรัลที่ซับซ้อนนี้ ถูกตีความออกมาแล้วหลายรูปแบบทั้งกลิ่นดอกไม้เบาๆ กลิ่นที่มีชีวิตชีวา รวมไปถึงโทนกลิ่นที่ดูมีระดับหรูหรา และดูเหมือนว่ามันจะกลายมาเป็นส่วนผสมที่นิยมกันมากๆ ในวงการน้ำหอมของปีนี้อีกเช่นกัน วันนี้เราเลยขอเลือก 6 น้ำหอมที่มีทูเบอร์โรสเป็นส่วนผสมมาให้คุณได้เลือกสำหรับวันพิเศษหรือมาเป็นสมาชิกใหม่ในคลังน้ำหอมของคุณ
J’adore Infinissime จาก Dior
เรียกได้ว่าเป็นน้ำหอมที่เปรียบได้กับการรวบช่อดอกไม้สีขาวขนาดมหึมามาใส่เอาไว้ โดยเวอร์ชั่นใหม่ของน้ำหอมชื่อดังของดิออร์นั้นมีทูเบอร์โรสเป็นนางเอก ซึ่งทางดิออร์นั้นใช้วิธีการสกัดแบบดั้งเดิมทำให้เก็บกลิ่นของทูเบอร์โรสอย่างชัดเจนราวและคงที่ที่สุด ผสานกับกับดอกมะลิ และตัดเลี่ยนเล็กน้อยด้วบลัด ออเรนจ์ กลายเป็นกลิ่นที่เย้ายวน รักในอิสระ แต่ยังคงมีระดับ
Tubéreuse Nue จาก Tom Ford Beauty
กลิ่นหอมจากตระกูล Private Blend ที่มาพร้อมกับความเย้ายวนเกินห้ามใจ โดยครั้งนี้ทูเบอร์โรสสอดประสานไปกับส่วนผสมที่ปราศจากการปรุงแต่งอย่าง Suede accord ที่นุ่มนวลน่าหลงใหล เติมมิติแห่งความเป็นดอกไม้ด้วยดอกกุหลาบและมะลิ พร้อมด้วยกลิ่นอันอบอวลของพิมเสนและมัสก์จากไม้กฤษณา ก่อนจะตัดเลี่ยนด้วย Timut pepper ที่เติมความน่าหลงใหลให้กับกลิ่นหอมนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบและลงตัว
Gucci Bloom จาก Gucci
น้ำหอมตัวดังของกุชชี่ ที่ส่งผ่านทูเบอโรสในโทนกลิ่นที่อบอวลและนุ่มละมุนละไม เป็นน้ำหอมกลิ่นแรกโดย Alessandro Michele และสุคนธกร Alberto Morillas ที่สะท้อนภาพของผู้หญิงกุชชี่ในแบบของ Alessandro ที่เต็มไปด้วยความอิสระ ความเป็นธณรมชาติ และหลากหลาย ออกมาเป็นน้ำหอมโทนฟลอรัลอันรุ่มรวม ที่นอกจากทูเบอร์โรสแล้วยังมีกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยของดอกมะลิตูมและดอกเล็บมือนางมาเสริมความอบอบวล
Do Son จาก Diptyque
เป็นอีกหนึ่งน้ำหอมที่ดึงกลิ่นของทูเบอร์โรสออกมาได้อย่างเต็มที่ กลิ่นหอมที่ได้แรงบันดาลใจจากความทรงจำวัยเด็กของหนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์ Diptyque อย่าง Yves Coueslant ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่แถบ Indochina ในช่วงปี 1930s ทูเบอร์โรสในน้ำหอมกลิ่นนี้ นอกจาความเย้ายวนแล้วนั้น ยังถูกห้อมล้อมด้วยใบส้มและพริกไทยสีชมพู จึงทำให้มันออกมาในแนวที่ exotic และ oriental มากยิ่งขึ้นกว่ากลิ่นที่กล่าวมาก่อนหน้านี้
L’Interdit จาก Givenchy
น้ำหอมที่ถูกสรรสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่มิวส์ของแบรนด์อย่าง Audrey Hepburn จึงออกมาเป็นน้ำหอมในโทนกลิ่นฟลอรัลวู้ดดี้ โดยเป็นการผสมผสานกลิ่นขั้วตรงข้ามอย่างดอกไม้สีขาวนำโดยทูเบอร์โรส มะลิ และดอกส้ม เข้ากับกลิ่นอุ่นและแข็งกร้าวของเวทิเวอร์ แพทชูลี่ และวานิลลา ออกมาเป็นกลิ่นที่ให้ความขบฏต่อความเป็นผู้หญิงที่สังคมวางเอาไว้
Carnal Flower จาก Frédéric Malle
กว่า 18 เดือนที่สุคนธกรอย่าง Dominique Ropion พัฒนาน้ำหอมกลิ่นนี้ โดยได้แรงบันดาลใจมากจากตำนานของทูเบอร์โรส ที่ถูกมองเป็นดอกไม้ต้องห้าม เต็มไปด้วยความลึกลับ และแรงดึงดูดที่เหลือล้น Carnal Flower จึงเป็นน้ำหอมที่เฉลิมฉลองสเน่ห์อันน่าลุ่มหลงของดอกไม้สีขาวนี้ ผสานเข้ากับกลิ่นของเมล่อน ดอกกระดังงา และมักส์
Photos courtesy of the brands