เมื่อโลกนาฬิกาชั้นสูงและแฟชั่นชั้นสูงมารวมกัน
นับตั้งแต่ต้นปีมานี้ เชื่อว่าคอนาฬิกาคงได้เห็นข่าว Vacheron Constantin แบรนด์นาฬิกาชั้นสูงจากสวิตเวอร์แลนด์ซึ่งถือเป็นแบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ผลิตนาฬิกาอย่างต่อเนื่องโดยมิเคยหยุดกิจการเป็นเวลา 265 ปี ได้นำพาเราก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 2020 ด้วยคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุดสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ คอลเลกชั่นนี้มีชื่อว่า Egérie (ออกเสียงว่า เอเชรี) ซึ่งเป็นชื่อที่สะท้อนความเป็นหญิงและได้แรงบันดาลใจจากผู้หญิง ตามชื่อของนางพราย Egeria ซึ่งปรากฏนามอยู่ในเทพปกรณัมโรมัน และยังหมายถึง muse หรือหญิงสาวผู้เป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปิน ดีไซเนอร์ และคนในแวดวงสร้างสรรค์ทั้งหลาย
คอลเลกชั่น Egérie เป็นการมาบรรจบกันของโลกนาฬิกาชั้นสูงและแฟชั่นชั้นสูง ลายเส้นบนพื้นหน้าปัดที่เกิดจากการกิโยเช่ (guilloché) นั้นได้แรงบันดาลใจมาจากเทคนิคการอัดพลีตบนเนื้อผ้า โอบล้อมด้วยประกายเพชรชวนให้นึกถึงการขลิบขอบด้วยเปียผ้าขนาดเล็ก ขับเน้นรูปทรงตัวเรือนแบบเฟมินีน และเหนืออื่นใดคือความประณีตในทุกรายละเอียด นำเสนอผ่านเส้นสายเรขาคณิตอันกลมกลืน ตกแต่งด้วยตัวเลขอาระบิกผลิตจากทอง 18k ซึ่งผ่านการฟินิชชิ่งอย่างประณีตงดงามและออกแบบมาเพื่อนาฬิการุ่นนี้โดยเฉพาะ
และที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของคอลเลกชั่นนี้ก็คือดีไซน์แบบอสมมาตร ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Vacheron Constantin มาตั้งแต่ยุคอดีต แต่นำมาตีความใหม่และใช้สร้างสรรค์หน้าปัดย่อยและตำแหน่งของเม็ดมะยมซึ่งอยู่ ณ ตำแหน่งระหว่าง 1 และ 2 นาฬิกาซึ่งไม่เหมือนกับนาฬิการุ่นไหนในท้องตลาด ทั้งยังตกแต่งหินมูนสโตน กล่าวได้ว่าการสร้างสรรค์อย่างไร้กรอบกฎเกณฑ์นี้เกิดขึ้นจากมุมมองความกล้าซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่สร้างความแตกต่างอย่างแท้จริง
คอลเลกชั่น Egérie ผลงานใหม่เพื่อผู้หญิงร่วมสมัย
คอลเลกชั่นใหม่ล่าสุดนี้ประกอบด้วยนาฬิกา 2 รุ่นเด่น นั่นคือ Égérie self-winding ตัวเรือนกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 35 มม. โอบล้อมด้วยขอบตัวเรือนขนาดบางประดับด้วยเพชร 58 เม็ด ขาตัวเรือนแบบ integrated เป็นส่วนเดียวกับตัวเรือน สามารถปรับตั้งเวลาได้ด้วยเม็ดมะยมซึ่งประดับด้วยหินมูนสโตน พร้อมวงหน้าปัดย่อยวันที่ทำงานด้วยคาลิเบอร์ 1088 กลไกอัตโนมัติพร้อมกำลังลานสำรอง 40 ชั่วโมงนี้ส่งพลังงานให้กับนาฬิกาทำงานได้อย่างอิสระ เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงยุคใหม่ ฝาหลังตัวเรือนแซฟไฟร์คริสตัลเผยให้เห็นการตกแต่งอย่างประณีตบรรจง ทั้งการขัดลาย Côtes de Genève ด้วยมือ รวมถึงโรเตอร์ทอง 22k สลักลายโอเพินเวิร์กซึ่งได้เแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงกางเขนมอลทีส สัญลักษณ์ของแบรนด์ และเพื่อให้สวมใส่ได้หลากหลายโอกาส รุ่นตัวเรือนพิงก์โกลด์ 18kจึงมาพร้อมกับสายรัดข้อมือหนังซึ่งถอดเปลี่ยนได้ ส่วนรุ่นตัวเรือสตีลจับคู่กับสายรัดข้อมือสตีลขัดมัน ซึ่งเน้นความบาง เบา และสง่างาม โอบกระชับไปกับข้อมือราวกับเป็นผิวหนังชั้นที่สองจนลืมไปว่าสวมใส่นาฬิกาไว้บนข้อมือ
ส่วนอีกรุ่นคือ Égérie moon phase ซึ่งตัวเรือนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 37 มิลลิเมตรโดยมีทั้งรุ่นตัวเรือนโรสโกลด์ 18k และตัวเรือนสตีลประดับเพชรรอบขอบตัวเรือน อีกทั้งดีไซน์คอมพลิเคชั่นบอกข้างขึ้นข้างแรมอยู่ในวงหน้าปัดย่อยประดับเพชร 36 เม็ดซึ่งวางอยู่ในตำแหน่งเยื้องศูนย์ ดวงจันทร์ทอง 18k จะเคลื่อนคล้อยมาบนท้องฟ้าพร่างดาวซึ่งอยู่ด้านหลังหมู่เมฆประดับมาเธอร์ออฟเพิร์ล มีทั้งรุ่นตัวเรือนสตีลประดับเพชร 58 เม็ด เม็ดมะยมตกแต่งด้วยหินมูนสโตน เข้ากับสายรัดข้อมือโลหะ และรุ่นตัวเรือนผลิตจากพิงก์โกลด์ 18k ประดับขอบด้วยเพชร 58 เม็ด เม็ดมะยมตกแต่งด้วยหินมูนสโตนเจียระไนทรงหลังเบี้ย เพื่อให้สามารถสวมใส่ได้หลากหลาย จึงมาพร้อมกับสายรัดข้อมือหนังสามสายที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ทำให้ผู้หญิงปรับเปลี่ยนลุคได้ตามแต่ใจต้องการ ผลงานรุ่นนี้ทำงานด้วยกลไก คาลิเบอร์ 1088L ซึ่งเป็นกลไกอัตโนมัติพร้อมกำลังลานสำรอง 40 ชั่วโมง ฝาหลังตัวเรือนแบบแซฟไฟร์คริสตัลเผยให้เห็นการตกแต่งอย่างประณีตบรรจง ทั้งการขัดลาย Côtes de Genève ด้วยมือ รวมถึงโรเตอร์ทอง 22k สลักลายโอเพินเวิร์กซึ่งได้เแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงกางเขนมอลทีส สัญลักษณ์ของแบรนด์
มรดกนาฬิกาผู้หญิง จากอดีตสู่ปัจจุบัน
แม้ว่า Egérie จะเป็นคอลเลกชั่นสำหรับผู้หญิงของ Vacheron Constantin ในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่ Vacheron Constantin นั้นขึ้นชื่อเรื่องการสร้างสรรค์นาฬิกาสำหรับผู้หญิงมาตั้งแต่ยุคอดีตนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา ทั้งนาฬิกาที่สร้างสรรค์ให้กับผู้หญิงแถวหน้าอย่าง Countess of Luchapt หรือราชินีโรเมเนีย Elisabeth Pauline Ottilie Louise de Wield และลูกค้าสตรีเหล่านั้นยังหลงใหลในนาฬิกาสลับซับซ้อนและตกแต่งประดับประดาด้วยหัตถศิลป์ด้วย แม้แต่ในยุคที่ยุคนาฬิกาข้อมือในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 Vacheron Constantin ก็ได้สร้างสรรค์นาฬิกาที่ผสมผสานศิลปะของยุคสมัยไว้มากมาย
เช่นเดียวกับผลงานล่าสุด Egérie ที่เข้ามาเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับแบรนด์ โดยใช้ความชำนาญการในการสร้างสรรค์นาฬิกาชั้นสูง ไม่ต่างจากนาฬิการุ่นเด่นต่างๆ ในช่วงสองร้อยปีที่ผ่านมา
นาฬิกา Vacheron Constantin มีวางจำหน่ายที่บูติก Pendulum ชั้น M สยามพารากอน