การนำนาฬิกาในยุคอดีตกลับมาสร้างสรรค์ใหม่อาจจะเรียกว่า เทรนด์ ของยุคนี้ก็ได้ แต่แน่นอนว่าสำหรับแบรนด์ Audemars Piguet ซึ่งเป็นแบรนด์นาฬิกาเก่าแก่ที่สุดที่ยังคงอยู่ในมือตระกูลผู้ก่อตั้ง (นั่นคือ ตะกูล โอเดอมาร์ส และปิเกต์) มันไม่ใช่การก็อปปี้อดีตแต่เพียงอย่างเดียว หากยังต้องพัฒนานวัตกรรมใหม่เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย
ในช่วงยุค 1930s-1950s ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากสงครามโลกครั้งที่สอง Audemars Piguet ผลิตนาฬิกาโครโนกราฟหรือนาฬิกาที่มีฟังก์ชั่นจับเวลาไม่มากนัก เพียง 307 ยูนิตเท่านั้น นาฬิการุ่นล่าสุด [Re]master01 Selfwinding Chronograph เป็นผลงานใหม่ที่เกิดจากการนำเอานาฬิกาโครโนกราฟรุ่น 1533 ซึ่งสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1943 มาตีความและนำเสนอใหม่ด้วยด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน เข้ากับดีไซน์ของกลางศตวรรษที่ 20
“ที่จริงมีนาฬิกาในคอลเลกชั่น Heritage มากมายที่น่าสนใจและสามารถเป็นต้นแบบให้กับโปรเจ็กต์การนำนาฬิกาในอดีตกลับมาสร้างสรรค์ใหม่ได้ แต่ทีมงานตัดสินใจเลือกโครโนกราฟเรือนนี้เพราะเราสัมผัสได้ถึงความงามและความรู้สึกร่วมกันจากเสียงสะท้นของอดีตของนาฬิการุ่นนี้”
-Michael Friedman, Audemars Piguet’s Head of Complications-
[Re]master01 Selfwinding Chronograph โดดเด่นด้วยตัวเรือนกลมและขาตัวเรือนทรงหยดน้ำซึ่งผลิตจากสเตนเลสสตีล ตัดกับขอบตัวเรือน ปุ่มกด และเม็ดมะยมซึ่งทำจากพิงก์โกลด์ เราชอบดีไซน์ขอบตัวเรือนแบบบางดูวินเทจซึ่งทำให้ผลงานรุ่นนี้ต่างจากนาฬิกาโครโนกราฟทั่วไปที่นิยมขอบตัวเรือนหนาเพื่อลุคดูสปอร์ต
จุดเด่นอีกอย่างคือหน้าปัดที่ยังคงรักษาดีไซน์ดั้งเดิม ทั้งเฉดสีทอง ตัดกับดีเทลสีดำและเข็มโครโนกราฟสีน้ำเงิน แต่ถึงอย่างนั้น ก็ได้มีการขยายหน้าปัดให้ใหญ่ขึ้นเป็น 40 มม. เพื่อให้สามารถอ่านค่าเวลาได้ชัดเจน ถ้าดูที่หน้าปัดจับเวลาเป็นนาที ปกติจะจับได้นาน 30 ที แต่ในผลงานรุ่นนี้จับเวลาได้ 45 นาทีตามคำขอของ ฌากส์-หลุยส์ โอเดอมาร์ส ทายาทรุ่นที่สามของตระกูลผู้หลงรักกีฬาฟุตบอล
[Re]master01 Selfwinding Chronograph ทำงานด้วยกลไกโครโนกราฟที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด (integrated) ไม่ใช่การนำโมดูลโครโนกราฟมาเสริมลงบนเครื่องที่มีอยู่แล้วแต่อย่างใด ทั้งยังเป็นโครโนกราฟแบบฟลายแบ็ก ทั้งยังโชว์ให้เห็นผ่านฝาหลังตัวเรือนแบบใส เพื่อให้ทุกคนสามรถชื่นชมกับกลไก โดยเฉพาะโรเตอร์พิงก์โกลด์ 22 กะรัตและสลักลาย Clous de Paris