Tuesday, March 19, 2024

ไขข้อสงสัยทุกปัญหาเรื่องผิว จากเทรนด์สกินแคร์และนวัตกรรมความงามสุดล้ำปี 2018 

การค้นพบแนวทางใหม่ในวงการสกินแคร์ ทำให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและคุณคือผู้ช่วยที่ดีที่สุดของ ‘ผิว’

ความทันสมัยของเทคโนโลยี ช่วยให้ใบหน้าและผิวพรรณของคนสมัยใหม่แลดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงจนเดากันไม่ถูก คำถามยอดนิยมคือทำอย่างไรเราจึงจะแก่ช้าลงและมีนวัตกรรมอะไรใหม่ ๆ ที่จะช่วยชะลอวัยโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเส้นผม รศ. (พิเศษ) ดร. พญ.รัชต์ธร ปัญจประทีป อาจารย์แพทย์ประจำสาขาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเผยเคล็ดลับการชะลอวัยที่น่าสนใจดังนี้

เทรนด์สกินแคร์ปี 2018

1. กลุ่มเคล็นเซอร์ (Cleanser)
ฅที่นิยมในปัจจุบันคือกลุ่มที่อ่อนโยนกับผิว เป็น Non soap freeหรือปราศจากสาร SLS (Sodium lauryl sulfate) ที่มักจะก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวหนัง ซึ่งผลิตภัณฑ์กลุ่ม Non soap freeมักจะไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึงหลังการล้างหน้า และบางชนิดอาจมีการทิ้งมอยส์เจอไรเซอร์ไว้เคลือบผิวอีกด้วย

2. กลุ่มผลิตภัณฑ์กันแดด (Sunscreen)
เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดที่ต้องใช้แบบขาดไม่ได้ ซึ่งเทรนด์ของการเลือกใช้กันแดดในปัจจุบันจะไม่ใช่แค่สามารถปกป้องจากรังสี UVA และ UVBได้เท่านั้น แต่ยังสามารถป้องกัน visible light หรือแสงที่เรามองเห็นได้ด้วย (เชื่อกันว่า visible light ทำให้เกิดอันตรายต่อผิวและทำให้ผิวแก่เร็วได้อีกด้วย)

3. มอยเจอไรเซอร์ (Moisturizer)
เทรนด์ใหม่ในปัจจุบันจะมีการผลิตออกมาให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งในสมัยก่อนครีมขวดหนึ่งใช้ได้กับทุกคนโดยไม่ได้แยกประเภทผิวให้เหมาะสม แต่เทรนด์ใหม่ของครีมชุ่มชื้นจะจัดประเภทให้เหมาะกับสภาพผิวหรือปัญหาผิว เช่น มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวเป็นสิวก็ต้องใส่สารที่ยับยั้งการเกิดสิว เช่น กรดผลไม้ (BHA, AHA) หรือสารต้านการอักเสบ กลุ่มแอนตี้เอจจิ้งมอยส์เจอไรเซอร์ก็มักจะมีส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซ่อมแซมผิวและลดริ้วรอยเช่น กลุ่มเรตินอล วิตามินซี peptides หรือ growth factorsชนิดต่างๆ เป็นต้น


ในส่วนของนวัตกรรมใหม่ที่น่าสนใจปี 2018

1. นวัตกรรมกลุ่มยกกระชับใบหน้า
เครื่องมือที่ใช้ยกกระชับใบหน้าตัวแรกและยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบันคือ Radiofrequency (คลื่นความถี่วิทยุ) แต่เทรนด์ใหม่ที่นิยมในปัจจุบันคือ อัลตร้าซาวด์ ซึ่งมาในรูปแบบของ Microfocused Ultrasound, Macrofocused Ultrasound, High Intensity Focused Ultrasound (HIFU) ข้อดีของอัลตร้าซาวด์คือ พลังงานลงได้หลายระดับ ระดับลึกถึงชั้น SMAS (SMAS คือเนื้อเยื่อที่หุ้มรอบกล้ามเนื้อใบหน้า) และในระดับผิวชั้นหนังแท้ที่ประกอบด้วยเกลียวคอลลาเจนและอีลาสติน และชั้นไขมัน ทำให้สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินบนผิวหน้าได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระชับหน้า แก้ไขปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยระดับน้อยถึงระดับกลาง หรือในคนไข้ที่ไม่ต้องการทำการผ่าตัดดึงหน้า (face lift) โดยหลังทำจะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์ในระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน ผลที่ได้เป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานเป็นปี

2. Fractional drug delivery การส่งผ่านยาเข้าใต้
ผิวหนัง คือการเจาะรูที่ผิวหนังขนาดเล็กๆด้วย Fractional laser เช่น Fractional Erbium Yag, Fractional carbon dioxide laser แล้วทายาที่มีขนาดโมเลกุลเล็ก (น้อยกว่า 500 ไมครอน) ลงไป ด้วยเทคนิคนี้จะสามารถส่งผ่านยาลงไปในชั้นลึกขึ้น โดยไม่ต้องใช้เข็มฉีดให้เจ็บ เช่น การรักษาแผลคีลอยด์ด้วยการฉีดยาเข้าแผล ซึ่งค่อนข้างเจ็บมาก แต่ด้วยเทคโนเลยี Fractional drug delivery จะได้ผลดีพอๆ กับการฉีดยาเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคนิคนี้มาใช้รักษาฝ้า ทำให้ฝ้าจางลงได้ดีกว่าการทายาเดี่ยวๆ เทรนด์ใหม่นี้จึงเป็นการรักษาโดยใช้ยาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่าในอดีต

3. Botolinum toxin โมเลกุลเล็ก
ตัวใหม่ที่ชื่อว่า
Incobotulinum toxin มีโมเลกุลเล็กกว่า toxin ในปัจจุบันถึง 2-4 เท่าซึ่งมีข้อดีคือ สามารถนำมารักษาโรคโดยใช้เทคนิค Fractional drug delivery ได้โดยยิงเลเซอร์กลุ่ม fractional แล้วนำโมเลกุลของ Incobotulinum toxin ทาลงไป โดยปกติเทคโนโลยีนี้เหมาะในการนำมารักษาผู้ทีมีเหงื่อออกมากผิดปกติที่มือหรือเท้า ซึ่งถ้าใช้การฉีด botulinum toxin แบบปกติ จะทำให้เจ็บมาก

Other Articles